'จตุพร' ชี้ 'ปลายฝน' ฆ่าตัวตาย สะท้อนรัฐบาลล้มเหลวแจกเงินคนจน


เพิ่มเพื่อน    

30 เม.ย.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)กล่าวผ่านรายการ พีซทอล์กตอนหนึ่งว่า เมื่อ 29 เม.ย.มีการแชร์ข่าวการฆ่าตัวตายของหญิงสาวชื่อปลายฝน ทำงานรักษาความปลอดภัย โดยก่อนตายวาดภาพลายเส้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเขียนตัดพ้อรัฐบาลใจร้าย แม้คนจนทำงานมีรายได้ แต่ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน กระทั่งเครียดแล้วผูกคอตาย การฆ่าตัวตายของปลายฝนในช่วงต้นฝนเมื่อเมษายน 2563 เป็นโศกนาฏกรรมและคงจะไม่เป็นความตายสูญเปล่า เพราะความตายของเธอจะทวงความยุติธรรมให้กับทุกศพที่ฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้ ภาพวาดสุดท้ายของเธอจะเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยอีกยาวนาน เชื่อโดยสุจริตใจว่า การฆ่าตัวตายหลายศพที่ผ่านมา อาจไม่กระทบความรู้สึกเท่ากับความตายของปลายฝน เพราะส่วนหนึ่งเธอวาดรูปสุดท้ายก่อนผูกคอตาย ต้องใช้สมาธิอย่างมาก ซึ่งรูปวาดสุดท้ายนั้น เป็นรูปที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่อยากมอง และเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีก็รู้สึกเสียใจเช่นปุถุชนทั่วไป

นายจตุพรกล่าวว่า แม้ไม่มีใครอยากให้เกิดการฆ่าตัวตายขึ้น แต่การปล่อยปละให้คนจนตรอก ไม่มีทางออก แล้วเลือกจบชีวิตตัวเองลง เพราะไปต่อไม่ได้ และไม่ต้องการเป็นภาระกับคนอื่นนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรายังจะให้มีคนตายกันอีกกี่ศพ ความตายที่เกิดจากมาตรการเยียวยาไม่ทั่วถึง แต่รัฐบาลไม่เคยส่งตัวแทนไปแสดงความเสียใจ หรือรู้สึกมีสำนึกรับผิดชอบ  กรณีความตายของปลายฝนคงสะท้อนมาตรการเยียวยาของรัฐตลอดเวลาที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน ว่าถ้าเร่งรีบเยียวยาให้ครบถ้วน ทันกาลตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว เธอคงไม่จบชีวิตลง และคนอื่นก็คงไม่ฆ่าตัวตายเช่นกัน นายกรัฐมนตรีควรคิดตรวจสอบกรณีความตายของปลายฝน แล้วย้อนทวนไปพิจารณาการฆ่าตัวตายทุกศพ ก่อนหน้านี้ที่ถูกทอดทิ้งมา จะพบว่า สิ่งควรทำมากที่สุดคือ เร่งเยียวยาให้ครบถ้วน เพราะคนฆ่าตัวตายล้วนเป็นผลพวงความล้มเหลวจากมาตรการเยียวยาของรัฐบาลทั้งสิ้น

นายจตุพรกล่าวว่า ถ้าศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังเดินด้วยวิธีการเดิม ก็จะเกิดการฆ่าตัวตายอีกอย่างไม่สิ้นสุด ผมไม่ต้องการเห็นภาพคนลุกฮือขึ้นมาเพราะขาดอาหาร ผมไม่ต้องการเห็นภาพคนแย่งอาหารต้องฆ่ากัน เพราะอยากมีชีวิตรอด นอกจากนี้สถาบันแห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ศึกษาว่า ไวรัสโควิดจะสิ้นสุดวงจรแพร่เชื้อในสิ้นธันวาคมนี้ และยังคาดการณ์สถานการณ์ในไทยจะสิ้นสุดการระบาดและปลอดเชื้อในวันที่ 11 มิถุนายน 2563 ซึ่งข้อเท็จจริงนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์กัน แต่ผลพวงทางเศรษฐกิจแล้ว ไทยต้องแบกรับความหิวโหยกันอีกกี่ปี เราอยู่ท่ามกลางไม่รู้อนาคต จึงกำหนดชีวิตสังคมในแต่ละเรื่องได้ยาก เมื่อเกิดความผิดพลาด ซึ่งล้วนมาจากการไร้ศักยภาพของรัฐบาลที่เชื่อการบริหารจัดการแบบเอไอ (AI) โดยไม่ใช้ข้อมูลจากมนุษย์ที่มีอยู่แล้ว เมื่อเอไอเป็นเทคโนโลยี่ ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ที่ไปกำกับเอไอควรถูกประณาม ถูกลงโทษ อีกทั้งไม่มีอะไรยืนยันว่า ใช้เอไอแล้วจะไม่ทุจริต

ประธานนปช. กล่าวด้วยว่า รัฐบาลตัดสินใจอุ้มการบินไทยตามแผนฟื้นฟูกิจการขาดทุนนั้น ตามลักษณะเกมลับ ลวง พราง ที่ฝ่ายอำนาจใช้กันเสมอคือ ถ้าอยากได้ขวาก็ต้องไปซ้าย เพื่อให้เกิดแรงต่อต้านจากสังคมเรียกร้องให้หันไปเลือกเดินทางขวา ดังนั้นการอุ้มการบินไทย ส่วนหนึ่งทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนด้วยนั้น แต่คาดว่า ในที่สุดแล้วในระยะยาวธุรกิจเอกชนจะเข้ามาฮุบเป็นเจ้าของการบินไทย เพราะการดำเนินกิจการมีความซับซ้อน และมีลักษณะเกมในท่วงทำนองแบบ อยากได้ขวา ก็ต้องดันให้เดินไปซ้ายก่อน วันนี้ทุกอย่างล้วนเป็นศิลปเกม ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ ผลประโยชน์ อำนาจ คำว่าลับลวงพรางยังอยู่กับประเทศไทยเสมอ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"