คลื่นลม'พปชร.'สงบแต่คลื่นใต้น้ำยังมี รอวันระเบิดอีกรอบหลังโควิดบางเบ


เพิ่มเพื่อน    

 

        ไม่ใช่ครั้งแรกที่บางกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐเคลื่อนไหวให้มีการเปลี่ยนตัว "อุตตม สาวนายน" รมว.คลังและหัวหน้าพรรค และ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรค อีกทั้งเรื่องนี้เกิดขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่เสร็จศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562

            แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคแต่อย่างใด รวมถึงครั้งนี้ที่แผนการดังกล่าวต้องล่มอีก หลังจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกมาสั่งเบรก โดยลั่นวาจาเลยว่าไม่ต้องต่อรอง ไม่ต้องเจรจา เพราะตนเองมีอำนาจตัดสินใจเพียงคนเดียว

            ต่อเนื่องด้วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีข่าวว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่งสัญญาณถึงลูกพรรคให้หยุดการเคลื่อนไหวไปก่อน เพราะช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญไวรัสโควิด-19

            แน่นอนว่า เป็นอีกครั้งที่ “แผนล่ม” แต่ไม่ได้หมายความว่าสงครามภายในพรรคพลังประชารัฐระหว่างกลุ่มก๊วนต่างๆ จะจบ เพราะรากลึกของปัญหานี้ไม่ได้มีเพียงแค่ว่านายอุตตมและนายสนธิรัตน์ไม่ได้เจนจัดทางการเมือง หรือดูแลไม่ทั่วถึงเพียงอย่างเดียว

            หากแต่ตีนภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ คือ เรื่องการจัดสรรผลประโยชน์

            มูลเหตุสำคัญที่ทำให้มีความพยายามเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเกี่ยวโยงกับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่ได้รับการจัดสรรอย่างทั่วหน้าตั้งแต่รอบแรก โดยเฉพาะคนอกหักที่ได้สัญญาใจให้รอรอบต่อไป

            ส.ส.บางกลุ่มในพรรคมองว่าการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีควรมาจาก “โควตา ส.ส.หน้าตัก” ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิมในการจัดคณะรัฐมนตรีมาทุกยุคทุกสมัย

            แต่ "อุตตม" และ "สนธิรัตน์" ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในสาย "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มี ส.ส.อยู่ในมือ แต่กลับกินโควตามากเกินไป ในขณะที่บางกลุ่ม ส.ส. โดยเฉพาะภาคกลาง ที่นำโดย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรีและประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ "วิรัช รัตนเศรษฐ" ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล และ “เสธ.อ.” สาย พล.อ.ประวิตร ที่มี ส.ส.ในมือประมาณ 20 คน กลับไม่ได้รับการจัดสรรเก้าอี้

            ในรอบแรกมีการเคลียร์กันลงตัวว่าให้บรรดาคนที่พลาดหวังในรอบแรกรอครั้งหน้า โดยมีมากกว่า 1 คน และ 1 ในนั้นคือ “เสี่ยเฮ้ง”

            แต่การรอรอบหน้านั้น หมายความว่าจะต้องมีรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐถูกปรับออกมาด้วยเพื่อสลับกันเป็น เบื้องต้นให้ใช้โควตาของกลุ่ม

            ทว่าก็ไม่มีใครอยากถูกปรับออก แต่ละกลุ่มกำโควตาตัวเองไว้แน่น ประหนึ่งว่า เพิ่มได้ แต่ไม่สลับหรือลดจำนวนลงให้ กลุ่มที่เปราะบางที่สุดอย่างกลุ่มนายสมคิดที่ไม่มี ส.ส.ในมือจึงถูกล็อกเป้า

            กลุ่ม "สมคิด" มีรัฐมนตรี 4 คน ได้แก่ "สมคิด", "อุตตม", "สนธิรัตน์" และ "สุวิทย์ เมษินทรีย์" รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส.ส.บางกลุ่มในพรรคมองว่าต่างตอบแทนโดยการให้เป็นรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นควรจะลุกออกจากเก้าอี้เพื่อเปิดโควตาให้คนอื่นๆ ในพรรคได้เป็นบ้าง

            แต่ที่ผ่านมากลุ่มนายสมคิดพยายามต่อสู้มาโดยตลอด โดยมีหลักยึดนั่นคือ “บิ๊กตู่” จนหนังเหนียวมาถึงทุกวันนี้

            เมื่อเกาะเก้าอี้แน่น กลุ่มที่ต้องการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีจึงต้องใช้วิธี “บีบ” โดยล็อบบี้ให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ลาออกให้เหลือไม่ถึงครึ่ง เพื่อให้ผู้บริหารชุดปัจจุบันสิ้นสภาพโดยอัตโนมัติและเลือกใหม่

            หาก "อุตตม" และ "สนธิรัตน์" พ้นจากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไปได้ มันจะส่งผลถึงโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของตัวเอง ที่ต้องตกไปอยู่กับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่แทนด้วย

            ขณะที่การเคลื่อนไหวในพรรคครั้งนี้ เพราะเห็นว่าล่วงเลยเวลาที่จะปรับคณะรัฐมนตรีมาเนิ่นนานแล้ว จากเดิมที่มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงต้นปี จึงเดินแผนแตกหัก

            และที่ต้องเล่นกันรุนแรงขึ้นถึงขั้น “บิ๊กป้อม” ต้องแจ้งนายอุตตมว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง รวมถึงจะใช้วิธีบีบด้วยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพราะประเมินแล้วว่ากลุ่มนายสมคิดจะไม่ยอมง่ายๆ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา กอปรกับนานวันไปยิ่งแข็งแกร่งขึ้นจะเปลี่ยนแปลงได้ยาก

            แต่มันผิดคิวตรงที่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนจากโควิด-19 ซึ่ง “บิ๊กตู่” 1 ใน 2 ของเจ้าของพรรคไม่เอาด้วย จึงเป็นอีกครั้งที่ “แผนล่ม” 

            ไอ้เสือจึงต้องถอยอีกครั้ง และอีกครั้ง

            แน่นอนว่า คลื่นลมอาจสงบไป แต่คลื่นใต้น้ำในพรรคยังไม่หมดเท่านี้ ตราบใดที่การจัดสรรผลประโยชน์ยังไม่ทั่วถึง

            แค่รอวันระเบิดอีกครั้งเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"