จริง-ไม่จริง...ก็ไม่รู้!!! แต่คงต้องยอมอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า ข่าวคราวการแยกมุ้ง แยกฝ่าย เพื่อหวังแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ของบรรดา นักการเมือง ภายในพรรคแกนนำรัฐบาล รวมทั้งการหันมาออกอาวุธใส่กันแบบดอกต่อดอก ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ออกจะเป็นอะไรที่น่าเหนื่อย น่าเบื่อ น่ารำคาญ ซะยิ่งกว่าการถูกกักตัวอยู่ในบ้าน เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
-----------------------------------------------------
คือไม่ว่าจะสวมหน้ากาก จะโซเชียล ดิสแทนซิง ฟิซซิเคิล ดิสแทนซิง กันในรูปไหน อย่างไร แต่โดย ธรรมชาติของนักการเมือง แล้ว ออกจะเป็นอะไรที่มักก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า เกิดอาการคล้ายๆ จะมีไข้ ต้องเหนื่อยหอบ ต้องไอแห้งๆ เผลอๆ อาจส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจอักเสบ เพราะอดไม่ได้ หรือเพราะหนีไม่พ้นต้องหันไปเปล่งเสียง ด่าว่า ด่าทอ กันไปตามสภาพ เรียกว่า...ทั้งที่อยู่ในช่วงหน้าข้าว-หน้าเหล้า อยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยคนเจ็บ คนป่วย คนตายเพราะติดเชื้อ หรือตายเพราะฆ่าตัวตายด้วยสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ คงต้องหัดรู้จัก เก็บอาการ เอาไว้มั่ง ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ตามความปรารถนาและต้องการของ กิเลส ที่ยากจะขุดลอกสันดอน และสันดาน ให้ลดๆ ลงไปได้เลย...
------------------------------------------------------
และด้วย ธรรมชาติของนักการเมือง ที่มักเป็นไปในแนวนี้นี่เอง...จึงทำให้ ความเป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าในบ้านเรา หรือกระทั่งในระดับโลก จึงออกอาการเสื่อมถอย เสื่อมโทรม ถึงขั้นเกิดการตั้งคำถาม เกิดความไม่เชื่อมั่น ศรัทธา ต่อระบอบการปกครองชนิดนี้ ว่าเอาไป-เอามา...มันเป็นระบอบปกครองที่ เลวน้อยที่สุด จริงๆ หรือเปล่า??? หรือเป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนชนิดใดกันแน่??? ประชาชนที่มี ธรรม หรือประชาชนที่เต็มไปด้วย กิเลส ที่พร้อมจะตกเป็นเหยื่อของ นักการเมือง ผู้ไม่คิดจะขุดลอกสันดอน และสันดานใดๆ ของตัวเอง เอาเลยแม้แต่น้อย...
-----------------------------------------------------
ยิ่งในยุคที่เชื้อไวรัส COVID-19 ท่านกำลัง กระชากหน้ากาก ใครต่อใครออกมาเป็นชิ้นๆ จนทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยทั้งหลาย กลับเป็นอะไรที่ด้อยค่า ด้อยประสิทธิภาพ คิดแต่เรื่องเงินๆ-ทองๆ ไม่คิดถึงชีวิตมนุษย์มนามากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรัฐบาลเผด็จการ ที่ไม่ว่าจะน่าเกลียด น่ากลัว เพียงใดก็ตาม แต่อย่างน้อย...ยังพอแสดงออกถึงความห่วงใยต่อราษฎร ต่อพลเมืองของตัวเอง กระทั่งยังมี ธรรมาภิบาล สูงกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยซะด้วยซ้ำ และสิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้บรรดา นักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหลาย พึงต้องเก็บเอาไปใคร่ครวญ ไปพิจารณา เพื่อหาทางยกระดับตัวเอง และยกระดับ ความเป็นประชาธิปไตย ให้มันสูงค่ายิ่งไปกว่านี้...
--------------------------------------------------------
ไม่เช่นนั้น...เชื้อไวรัส COVID-19 ที่กำลังล้างโลก เปลี่ยนโลก อยู่ในทุกวันนี้ ท่านอาจถือจังหวะสร้างมาตรฐาน เปลี่ยนมาตรฐาน ชนิดอาจก่อให้เกิด ค่านิยมแบบใหม่ เอาเลยก็ไม่แน่!!! คือประเภทไม่ต้องไปเสียเวลาสนใจ ว่าประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย เผด็จการ-ไม่เผด็จการ ขอให้มี ธรรมะ หรือมีคุณธรรม เท่านั้นก็พอ อะไรทำนองนี้ และใช่ว่ามาตรฐานเหล่านี้ จะไม่มีโอกาสก่อเกิด ถือกำเนิดขึ้นมาในสังคมไทย อันเป็นสังคมที่บรรดา นักประชาธิปไตย ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ เชยซ์ซ์ซ์กับเชยซ์ซ์ซ์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่เพียงตามโลกไม่ค่อยจะทัน ยังหนักไปทางเอาแต่โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาทและชิงชัง แบบซ้ำๆ ซากๆ ไม่ได้คิดจะยกระดับตัวเอง และยกระดับความเป็นประชาธิปไตย ให้มันสะอาด สดใส และบริสุทธิ์ อย่างเท่าที่ควรจะเป็น...
------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องเตือนๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่อฝ่ายไหน จะสังกัดฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน แต่คงต้องถือเป็น ภาระ ที่จะต้องหาทางยกระดับ หาทางพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เกิดการยกระดับและพัฒนา ความเป็นประชาธิปไตย ควบคู่ไปด้วย หาทางขุดลอกสันดอน และสันดาน ที่มักก่อให้เกิดความน่าเหนื่อย น่าเบื่อ น่ารำคาญ ต่อบรรดาปวงชนทั้งหลาย หาทางปรับเปลี่ยน ธรรมชาตินักการเมือง แบบเดิมๆ ให้กลายเป็นธรรมชาติแบบใหม่ ที่สอดคล้องไปกับ ธรรมะ ยิ่งๆ ขึ้นไป ลด-ละ-เลิก กิเลส ทั้งหลาย ทั้งปวง ลงไปให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ก่อนที่ COVID-19 ท่านจะมีโอกาสสร้างมาตรฐานแบบใหม่ หรือค่านิยมแบบใหม่ ขึ้นมาได้แบบจริงๆ จังๆ หรือแบบเป็นเรื่อง เป็นราว...
----------------------------------------------------------
อย่าเผลอไปคิดว่า...สุดท้าย ยังไงๆ ต้อง กลับมาเลือกตั้งกันใหม่ หรือต้องกลับมาสู่ความเป็นประชาธิปไตยลูกเดียวเท่านั้นเอง เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว สูตรการเลือกตั้ง ย่อมมีอยู่หลายสูตร เช่นเดียวกับความเป็นประชาธิปไตย ที่อาจกลายสภาพไปเป็น ประชาธิปไตยรวมศูนย์ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากไม่อยากให้ความเป็นประชาธิปไตยต้องเสื่อมค่า ด้อยค่า ยิ่งไปกว่านี้ มีแต่ต้องหันมาปรับตัว ปรับใจ หันมาหา ธรรมะ ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละดี หรือหาทางทำให้ธรรมะกับความเป็นประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่สอดคล้อง ต้องกัน ยิ่งๆ ขึ้นไปให้จงได้...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “ท่านพุทธทาสภิกขุ”... “ธรรมมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในตัวเอง เพราะหมายถึง...ความไม่เห็นแก่ตัวอยู่โดยธรรมชาตินั่นเอง อย่าแยกความไม่เห็นแก่ตัวออกจากประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด...”.
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |