29 เม.ย.63 - ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4  ร่วมกันแถลงข่าวผลจับกุม นายพิพัฒน์ เวียงคำ หรือ ปาล์ม อายุ 18 ปี ชาว ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ลงวันที่ 22 ต.ค.2562 และหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงวันที่ 18 ม.ค.2563 ในข้อหา ฉ้อโกง ทั้ง 2 หมายจับ พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคารต่างๆจำนวน 8 เล่ม ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของบุคคลอื่น  บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆจำนวน 4 ใบ และโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ภายในบ้านพักในเขต จ.หนองคาย

พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4  กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งข้อมูลการหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กเป็นจำนวนมาก โดยใช้วิธีให้ผู้เสียหายโอนเงินมัดจำบางส่วนก่อนหรือโอนเต็มจำนวนแต่ไม่ได้รับสินค้าตามที่ซื้อ  ซึ่งผู้ต้องหาก็จะบล็อคช่องทางการติดต่อของผู้เสียหายและไปเปิดใช้เฟซบุ๊กใหม่เพื่อหลอกลวงไปเรื่อย ด้วยการกำหนดสินค้าต่างๆ รวมไปถึง สุนัข แมว ไก่ กระบือ รถยนต์มือหนึ่งมือสอง รถไถการเกษตร กล้อง โทรศัพท์ รถจักรยานยนต์ คือหลอกทุกอย่างที่ขายได้

"ในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ต้องหา มีการหลอกขายหน้ากากอนามัย โดยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนติดตามมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหานั้นได้หลบหนีการจับกุมมาอยู่กับแม่ที่ จ.หนองคาย ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นนายพิพัฒน์ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ตามจังหวัดต่างๆ เพื่อก่อเหตุไปเรื่อย ก่อนที่จะมีการสั่งห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ผู้ต้องหาจึงกลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่ได้รับทราบเบาะแสจึงวางแผนเข้าจับกุมทันที โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา"

พล.ต.ต.ยรรยง กล่าวต่ออีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลพบว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากทั่วประเทศที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหาหลอกขายสินค้าต่างๆ จึวขอให้ทางผู้เสียหายที่คิดว่าถูกนายพิพัฒน์หลอกขายสินค้าได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนขยายผลถึงเจ้าของบัญชีที่เปิดบัญชีให้ผู้ต้องหารายนี้ทั้ง 4 รายชื่อ มาพบพนักงานสอบสวนหากมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป