‘พปชร.’สยบลือ สส.งัดข้อ‘อุตตม’ จตุพรแช่งให้พัง


เพิ่มเพื่อน    

  ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐปัดเกาเหลา พปชร. อ้างแค่ ส.ส.บางส่วนน้อยใจ หัวหน้า-เลขาฯ เปรียบพ่อแม่ดูแลลูกๆ ไม่ทั่วถึง ขอมุ่งหน้าแก้วิกฤติชาติก่อนอันดับแรก "จตุพร" ฟันธงมาเร็วเคลมเร็วซ้ำรอยพรรคในอดีต 

    นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเมื่อวันที่  28 เม.ย.63 ถึงกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดทางเคลียร์ใจหลังมีไลน์หลุดจากกลุ่ม ส.ส.ภาคกลางจะช่วยเหลือตนเอง หลังหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค พปชร.ไม่ช่วยเหลือลูกพรรค ว่าในฐานะเป็นประธาน ส.ส.ภาคกลางที่ตั้งกลุ่มไลน์นี้ขึ้น เพื่อให้ ส.ส.ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาในพื้นที่แต่ละจังหวัด เพื่อจะได้ลงไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก 
    นายสุชาติกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติที่พวกเราเป็นเพื่อนกันอยู่กันแบบพี่น้อง พูดคุยกันเพื่อหาแนวทางรับมือและแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ว่าพรรคและผู้บริหารพรรคจะมีแนวทางอย่างไร เพราะในพื้นที่ของ ส.ส.แต่ละคนถูกกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อในเวลานั้นๆ และ ส.ส.ทุกคนต้องการลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งวันนั้น ส.ส.ภาคกลางทุกคนนั้นพอมีเงิน พอมีกำลัง  แต่ไม่มีแหล่งซื้อหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ในจำนวนมากๆ ได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    "วันนั้นมี ส.ส.ภาคกลางหลายคนได้ระบายปัญหาเหล่านี้กันมากมาย ผมก็นั่งอ่านจึงเข้าไปตอบไลน์ในฐานะประธาน ส.ส.ภาคกลาง ซึ่งผมก็ต้องรับผิดชอบว่าหากไม่มีใครช่วยพวกเราในวันนี้ เดี๋ยวผมจะช่วยพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนเอง วันนั้นมันเป็นเรื่องของความเป็นลูกผู้ชาย ผมก็นักเลงพอ ต้องมีความรับผิดชอบ เพราะเมื่อเขาไม่ช่วยพวกเรา เราก็ต้องช่วยตัวของเราเอง เพราะการทำการเมือง หน้าที่ของการเป็นผู้แทนราษฎรที่พี่น้องประชาชนเลือกมา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นห่วงพื้นที่ ฉะนั้นผมและพวกเราที่พอมีช่องทางก็ต้องช่วยกันดูแลพี่ๆ เพื่อนๆ ส.ส.ภาคกลางประมาณ 20 คน ให้ยืนอยู่ในพื้นที่ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้" ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกล่าว
    อีกทั้งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักๆ ก็เป็นพื้นที่ภาคกลางทั้งนั้น เราไม่สามารถรอใครได้ เพราะอยากทำงานอยากออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทันทีโดยเร็ว ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนและชาติบ้านเมือง และหลังจากไลน์หลุดนายสนธิรัตน์ก็ช่วยเรื่องแอลกอฮอล์ลงมาบ้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
    ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า ส่วนปัญหาเรื่องความขัดแย้งกับหัวหน้าและเลขาฯ ตนเห็นว่าหัวหน้ากับเลขาฯ นั้นเปรียบเป็นพ่อกับแม่ ลูกๆ มีร้อยกว่าคนมันก็ต้องมีลูกที่มีความอึดอัดน้อยใจเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเป็นครอบครัวใหญ่ และที่ในไลน์ระบุว่าตนไม่เอาด้วยแล้ว เพราะว่าหน้าที่ต้องทำยังไม่รู้ ขออนุญาตอธิบายว่าตนหมายถึงตนไม่ไปคุยด้วยแล้ว เพราะทั้งหัวหน้าและเลขาฯ ก็ทำงานให้ท่านนายกฯ อยู่ แก้ปัญหาฝ่ายรัฐบาลอยู่ เราจึงต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองจะดีกว่า และพยายามคิดในมุมที่ดีว่า ส.ส.ต้องช่วยตัวเองเป็นหลักก่อน
    ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐนั้น ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า ส.ส.ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้เลย เพราะยังไม่มีการกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หรือกำหนดวาระการประชุมซึ่งยังไม่เกิดขึ้น เพราะทุกพรรคการเมืองอยู่ในโหมดของการแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งนั้น
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการประชุมพรรค พปชร.จะมีการหารือเรื่องปรับ ครม.หรือไม่ นายสุชาติ บอกว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจและดุลพินิจของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว กลาโหม ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ตนไม่ขอก้าวล่วงในเรื่องนี้ ช่วงนี้เป็นเวลาของการแก้ปัญหาโควิด-19   อาจจะยังไม่ควรเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่ตนก็เอาเวลาทั้งหมดลงไปทำงานในพื้นที่ชลบุรี  ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง และก็ยังไม่เจอและไม่ได้อยู่กับครอบครัวมาเป็นเดือนๆ เพราะต้องอยู่พื้นที่ชลบุรี ร่วมกันผลักดันชลบุรีโมเดลเพื่อช่วยเหลือประชาชน และวันนี้ชลบุรีโมเดล อำเภอเมืองชลบุรีก็ไม่มีคนติดเชื้อเพิ่มมา 28 วันแล้ว นี่คือสิ่งที่ตนและเพื่อนๆ ที่เป็น ส.ส.ทุกคนในพรรคพลังประชารัฐต้องการ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤติชาติครั้งนี้ไปให้ได้สมบูรณ์ ร่วมกันแบ่งเบารัฐบาล และเตรียมการเยียวยาชาวบ้านหลังจากนี้ด้วย
    ขณะที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กช่วงหนึ่งว่า "ตอนนี้ไม่มีไร มีแต่ข่าว จริงบ้างไม่จริงบ้าง พวกเรายังรักกันอยู่ และหัวใจการทำงาน ส.ส.ของพรรค คือการทำงานให้ประชาชนเป็นหลัก โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์ ที่ดูแลควบคุมพรรคและสมาชิกพรรคอยู่ ส่วนตัวยังไม่เห็นมีดำริอะไร เพราะถ้ามีก็จะทำตามทุกอย่าง แต่ไม่มีจริงๆ อย่าไปเต้าหรือสร้างสถานการณ์ให้ผู้ใหญ่เข้าใจกันผิด มั่นใจว่าถ้าจะมีดำริผู้ใหญ่เขาก็ต้องคุยกันก่อน เพราะฉะนั้นวันนี้มีแต่ข่าวและคนกุข่าว ฝากคนที่ชอบกุข่าวให้คิดเรื่องโควิดก่อน" 
    วันเดียวกัน ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับออกไปโดยไม่ตอบคำถามใดๆ  ซึ่งคาดว่าเป็นการมาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ
    ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่ปี 2498-2535 ต่อรอง แย่งชิงผลประโยน์ทางการเมือง แล้วต้องมาถึงจุดจบของพรรคการเมืองฝ่ายอำนาจนั้นๆ ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐนั้นคงมีจุดจบไม่แตกต่างกัน ในประวัติศาสตร์เป็นการบอกถึงการสืบทอดอำนาจทางการเมืองที่มีจุดจบไม่แตกต่างกัน เพียงต่างกันแค่เวลาเท่านั้น 
    นายจตุพรกล่าวว่า ตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นมาในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 แม้เป็นพรรคการเมืองของฝ่ายอำนาจจัดตั้งขึ้น ซึ่งไม่แตกต่างจากพรรคการเมืองในอดีตที่กล่าวมานั้น เมื่อผนึกกำลังกับส.ว. 250 เสียงสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดจึงเกิดการเคลื่อนไหวกดดันนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ให้พ้นจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งการกดดันนี้จะนำไปสู่การปรับ ครม.ในอนาคตอีกด้วย 
    "ดังนั้นพรรคการเมืองแบบพลังประชารัฐ จึงสะท้อนพฤติกรรมทางการเมืองแบบมาเร็วและเคลมเร็ว  ด้วยการอ้างถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่เสียเอง ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีความเห็นกับความขัดแย้งในพรรคครั้งนี้" นายจตุพรกล่าวและว่า ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่มีปัญหาเฉพาะพลังประชารัฐ แต่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยก็ไม่แตกต่างกัน มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นบรรยากาศการเมืองในขณะนี้จึงเป็นลักษณะคล้ายกับพรรคเสรีมนังคศิลาและสหประชาไทยครองอำนาจ เพราะการเมืองเป็นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"