รัฐบาลเคาะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ส่วนการปลดล็อกกิจกรรมจะทยอยแจง ย้ำแบ่งเป็น 4 สี 4 ระยะ หากโควิด-19 หวนกลับมาก็ปิดเหมือนเดิม “บิ๊กตู่” ลั่นยามนี้ประเทศต้องไม่มีข้างให้สมกับอัตลักษณ์สยามยามวิกฤติ “หมอทวีศิลป์” แจงข่าวดี 2 วันติดตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำสิบแค่ 7 ราย แต่น่าห่วงผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่สัมผัสโรคคนใกล้ตัว แนะคนในครอบครัวก็ต้องป้องกันการ์ดห้ามตก
เมื่อวันอังคารที่ 28 เม.ย. ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
โดยภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า วันนี้รัฐบาลไม่ได้ทำแต่เรื่องโควิด-19 อย่างเดียว จำเป็นต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ และงบประมาณด้วย โดยรัฐบาลจำเป็นต้องต่ออายุพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน คือตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ส่วนข้อกำหนดต่างๆ ยังคงสภาพเดิมอยู่ ในการเคลื่อนย้าย ในการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อีกส่วนจะมีมาตรการผ่อนคลายปลดล็อกกิจกรรมต่างๆ ขณะนี้มีคณะกรรมการศึกษาทำรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ ว่ามีกิจกรรมใดที่ควรผ่อนปรนบ้างในตอนนี้และระยะต่อไป ขอให้ทุกคนรอฟังการแถลงอีกครั้งหนึ่ง โดยได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการพิจารณาว่าต้องเอากิจการที่มีทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมาดู โดยขณะนี้หลายมาตรการได้กำหนดลงไปในหลายจังหวัดแล้ว ส่วนมาตรฐานกลางก็มีข้อกำหนดลงไป
“การผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เอากิจกรรมทั้งหมดมารวมกันแล้วคิดว่า 100% มีอะไรอยู่บ้าง แล้วเอามาแบ่งเป็น 4 ระยะ คือระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ซึ่งแต่ละระยะจะห่างกัน 14 วัน เพื่อประเมินว่าหลังผ่อนปรนไปแล้วมีการแพร่ระบาดอะไรหรือไม่ หรือจำเป็นต้องปิดอีกหรือเปล่า ตรงนี้เราจะประกาศเมื่อถึงเวลาว่าอะไรจะผ่อนคลายในระยะที่ 1 บ้าง โดยคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย แต่ท่านก็ต้องร่วมมือกับรัฐบาลด้วย เราต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประชาชนเป็นหลักด้วย สถานการณ์ด้านสาธารณสุขก็มีความสำคัญอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า อะไรที่ผ่อนคลายได้ก็ผ่อนคลายไป แต่หากผ่อนคลายไปแล้วหากมีการแพร่ระบาดอีกก็จำเป็นต้องปิดอีก ซึ่งไม่อยากให้ย้อนกลับไปจุดนั้น อยากขอความร่วมมือในระยะที่ 1 ขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด ซึ่งเราได้แบ่งไว้เป็นสีขาว สีเขียว สีเหลือง และสีแดง ต้องเป็นตามระยะเวลาที่ 14 วันเพื่อตรวจสอบก่อน ก็ต้องขอความร่วมมือจากสถานประกอบการต่างๆ ก็ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง
“ไหนๆ ท่านก็อดทนกับผมมาแล้ว ผมเองก็เจ็บปวดไปกับท่านนั้นแหละ ผมเข้ามาเพื่อทำงานตรงนี้ เพื่อดูแลประชาชน ซึ่งวันนี้สถานการณ์กดดันเราเข้ามามากมายหลายประการด้วยกัน และไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว ทั้งภูมิภาคทั้งโลกเดือดร้อนเรื่องโควิด-19 กันหมด” นายกฯ ระบุ
ต่ออายุ พ.ร.ก.อีก 1 เดือน
นายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้ขออย่าละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เราปลอดภัยมาจนถึงวันนี้ จนได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ และไม่ได้มีอะไรปิดบังทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ถ้าเรามัวแต่ติติงกันไปมากๆ โน่นนี่แสดงความคิดเห็นกัน บางทีไม่เป็นประโยชน์เลย ขัดแย้งไปทั้งหมดทำให้การแก้ปัญหาไปไม่ได้ ประเทศชาติก็เดินหน้าไม่ได้ ขอแค่ความร่วมมือความเข้าใจ อย่ามองในทางที่ผิดไปทั้งหมด เพราะเราพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลาที่ผ่านมา
นายกฯ ย้ำอีกว่า การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อ 1 เดือน มาตรการจำกัดการเข้าและออกในราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ครม.ก็มีมติให้ขยายไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.เช่นกัน ยกเว้นในเรื่องของการขนส่งสินค้า หรือการบริการรับ-ส่งในการนำคนไทยกลับ ส่วนเคอร์ฟิวก็ยังคงเวลาเดิมคือระหว่างช่วงเวลา 22.00-04.00 น. การงดหรือการชะลอข้ามพื้นที่จังหวัดก็ยังคงมีอยู่ ก็ขอฝากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแล เพื่อลดการแพร่ระบาดจะได้มีการควบคุมและตรวจสอบได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่มีความเป็นห่วงอีกประเด็นหนึ่งคือ เมื่อเราคลายล็อกไปแล้วก็ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเข้าไปในพื้นที่ที่มีกิจกรรมแออัดมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ต้องระมัดระวังตัวเองทั้งหมดเพื่อตัวของพวกท่านเองและครอบครัว
“วันนี้ขอร้องทุกคนอย่าเรียกร้องมากนัก วันนี้ขอให้เอาส่วนของตรงกลางมาพิจารณาในนโยบายก่อน ในส่วนของแนวปฏิบัตินั้นก็ต้องฟังจากท้องถิ่นและพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แต่เราต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดที่อาจจะกลับมาทำให้ทุกอย่างที่ทำไปนั้นเสียเปล่าโดยสิ้นเชิง ผมไม่ต้องการให้ย้อนกลับไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของวันหยุดราชการในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเดิมที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เสนอให้เป็นวันทำงานนั้น ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ถือเป็นวันหยุดราชการเช่นเดิม รวมทั้งวันหยุดของรัฐวิสาหกิจ หรือแรงงานก็ขอให้ยึดหลักตามเดิม เพียงแต่ต้องมีมาตรการป้องกัน มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็จำเป็นต้องทำอย่างเข้มงวด
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการทำจดหมายเปิดผนึกไปถึง 20 มหาเศรษฐีว่า หลายคนคงอยากทราบว่าเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว หรือว่าเลิกไปแล้ว ซึ่งได้รับฟังความคิดเห็นจากธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ที่พูดไปแล้ว 20 ราย ซึ่งวันนี้ได้ทยอยส่งมาแล้ว ไม่เห็นมีใครมาให้เงินรัฐบาลเลย มีแต่เพียงบอกว่าเขาจะดูแลคนในห่วงโซ่ของเขาอย่างไร หางานให้ทำอย่างไร ลดการจ้างงานให้น้อยที่สุด และหาอาชีพเสริมให้ จนหลายคนกลัวว่าเมื่อถึงเวลาสถานการณ์ดีขึ้นจะไม่กลับมาทำงานตรงนี้ เพราะไปค้าขายออนไลน์กันหมดแล้ว ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการช่วยในกลุ่มงานของเขาเอง
วันนี้ไม่ควรมีข้าง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เขายังได้เสนอแนะในเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ และมีความคิดเห็นค่อนข้างตรงกัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำต้องทำให้เกิดความทั่วถึง เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือตรงนี้ในการสนับสนุนให้ประชาชนมีแหล่งน้ำ เขาสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาเชิงซ้อนและจะร่วมมือกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ทำมามากพอสมควร ผมเพิ่งทราบหลายเรื่องเขาดูแลอยู่แล้ว แน่นอนว่ารัฐบาลไม่สามารถดูแลทุกคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้องอาศัยภาคส่วนต่างๆ มาร่วมดูด้วย ดังนั้นช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกันให้มากที่สุด
"วันนี้มันไม่ควรมีข้างกัน ควรเป็นข้างเดียวกันหมดเพื่อที่จะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด ให้สมกับความเป็นคนไทย สมกับอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่มีน้ำใสใจคอเผื่อแผ่แบ่งปัน มีจิตสำนึก สิ่งที่เขาเสนอมาอีกอันหนึ่งที่มีความคิดเห็นตรงกับรัฐบาล โดยมองในมุมเดียวกันว่าโลกหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปทุกภูมิภาค ทุกประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดในเรื่องการดำรงชีวิตและเรื่องต่างๆ เพราะทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเราต้องสานต่อไปตามยุทธศาสตร์ที่มีอยู่เดิมทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มรูปแบบและสูงสุดในอนาคต หลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งต้องอาศัยภาคธุรกิจเอกชนและประชาชน มีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด ฉะนั้นต้องขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ 20 ท่านที่กรุณาเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มา และไม่มีใครมาร้องขอผลประโยชน์อะไรกับผมสักคน ไม่มีใครจะให้เงินรัฐบาลสักอย่าง เพราะผมคงไปรับเงินจากท่านไม่ได้ ไม่ได้มีการตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน อันนี้ขออย่าไปรับฟังคำบิดเบือนต่างๆ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ต่ำสิบเป็นวันที่สอง โดยมี 7 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,938 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 43 ราย หายป่วยสะสม 2,652 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 54 ราย โดยรายที่ 53 เป็นชายไทย อายุ 52 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ รายที่ 54 เป็นหญิงไทย อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของร้านอาหาร มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว ซึ่งข้อมูลการติดเชื้อในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มที่พบมากสุดคือสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าซึ่งมีถึง 151 คน จึงต้องให้ความสำคัญในการรักษาระยะห่างแม้เป็นคนในครอบครัว ใครเป็นญาติก็ต้องป้องกัน 100% ต้องทำให้เป็นวิถีชีวิตใหม่
กทม.กลับมาติด 3 ราย
“ตอนนี้ต้องระวังเพราะทุกคนมีโอกาสติดเชื้อทั้งสิ้น ทั้งนี้การมีผู้ป่วยต่ำสิบเป็นวันที่สองติดต่อกัน มีไม่กี่ประเทศในโลกที่จะเห็นภาพการติดเชื้อจำนวนน้อย แต่เกิดขึ้นในไทย ทำให้ภาคภูมิใจและให้กำลังใจในการรักษาระยะห่าง รักษาตัวให้ดีต่อไป การ์ดอย่าตก วันนี้เราทำได้เป็นผลมาจากพฤติกรรมเมื่อ 7-14 วันที่แล้ว แต่พฤติกรรมวันนี้จะปรากฏผลใน 7-14 วันข้างหน้า ถ้าทำไม่ได้ตัวเลขเพิ่มขึ้นแน่ๆ ขอแรงทุกคนยังต้องป้องกันตัวสม่ำเสมอ เข้มงวดอย่างนี้ตลอด เราจะได้อยู่รอดปลอดภัยทุกคน” นพ.ทวีศิลป์ระบุ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย มาจาก กทม. 3 ราย นครราชสีมา 1 ราย ภูเก็ต 3 ราย ในจำนวนนี้ 5 รายสัมผัสเป็นผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 1 รายซึ่งเป็นชาวจีน และอีก 1 รายติดเชื้อจากการไปร่วมงานในพื้นที่แออัดใน กทม. ส่วนที่มีคำถามว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม.เมื่อวันที่ 27 เม.ย.เป็นศูนย์ และวันที่ 28 เม.ย.มี 3 ราย แม้ผู้ออกมาใช้ชีวิตมากขึ้นแต่ตัวเลขก็ลดลง จะนำมาซึ่งมาตรการคลายล็อกได้หรือไม่นั้น เราต้องชื่นชม แต่เบาใจไม่ได้ เพราะวันนี้ก็มีผู้ป่วยเพิ่ม 3 ราย เราต้องค้นหาให้ได้มากที่สุด จะเบาใจใช้ชีวิตเหมือนเดิมยังไม่ได้จนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษาโรค ต้องเข้มข้นควบคุมตัวให้ดีต่อไป สำหรับข้อมูลของผู้ป่วยตั้งแต่เดือน ม.ค.-26 เม.ย. พบว่ามีผู้ป่วยสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 328 ราย หรือ 11% ของผู้ป่วยทั้งหมด ในจำนวนนี้เสียชีวิตถึง 21 ราย เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนเหล่านี้ติดเชื้อคือพิธีกรรมทางศาสนา รองลงมาเกี่ยวกับสนามมวยและผู้ป่วยยืนยัน
เมื่อถามว่า กรณีขยายประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งคงมาตรการชะลอการเข้าประเทศ ทำให้คนไทยที่ซื้อตั๋วแล้วได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างไร นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขออภัยในความไม่สะดวก แต่เป็นมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อที่ทั่วโลกทำกัน ถ้าใครมีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนสามารถติดต่อไปที่สถานกงสุลและสถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ
ถามว่า กระทรวงสาธารณสุขจะออกข้อบังคับให้ร้านค้าต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรการหลังมีการผ่อนปรนหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าเรามีอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อ 11 มีมาตรการป้องกันโรค ซึ่งถือเป็นมาตรฐานกลางที่ทุกคนต้องทำและใช้ในการปฏิบัติ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |