ออสเตรเลียเริ่มใช้งานแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ "COVIDSafe" ที่จะช่วยให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนสามารถติดตามผู้ที่อาจสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 แค่ข้ามวันมีประชาชนดาวน์โหลดใช้งานแล้วมากกว่า 2 ล้านราย

    ข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีกล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยถึงวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อไวรัสแล้วเพียง 6,720 ราย เสียชีวิต 83 ราย ซึ่งเป็นผลจากการปิดพรมแดน, จำกัดการเคลื่อนย้ายและนโยบายขอให้ประชาชนอยู่บ้าน ที่ลดอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวันเหลือไม่ถึง 1% จากที่เคยสูง 25% เมื่อเดือนมีนาคม

    บางรัฐของออสเตรเลียเริ่มผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว และอีกไม่นานออสเตรเลียจะเริ่มทดสอบเชื้อกับประชาชนที่ไม่แสดงอาการด้วย โดยจะเริ่มที่กลุ่มคนหนุ่มสาวและบุคลากรด้านสาธารณสุข

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียยังเริ่มเปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "โควิดเซฟ" ทางโทรศัพท์มือถือได้ รัฐมนตรีสาธารณสุขเกร็ก ฮันต์ เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ถึงเวลา 19.00 น.ของวันจันทร์ มีชาวออสเตรเลียดาวน์โหลดแอปนี้แล้วมากกว่า 2 ล้านราย หรือราว 8% ของประชากร 25.7 ล้านคน

    "ความพยายามนี้จะช่วยปกป้องพวกเรา, ครอบครัวของเรา, พยาบาลและหมอของเรา" ฮันต์ทวีต

    ด้านนายกฯ สกอต มอร์ริสัน กล่าวว่า ประชากรอย่างน้อย 40% ของประเทศควรต้องดาวน์โหลดแอปนี้

    รัฐบาลของเขาเป็นเหมือนกับรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังถูกกดดันให้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางและการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่มอร์ริสันยืนยันว่า ข้อจำกัดหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในออสเตรเลียเดินทางเข้าประเทศ จะบังคับใช้ไปถึงเดือนกันยายนเป็นอย่างน้อย แต่บางมาตรการก็จะเริ่มผ่อนคลายได้โดยเร็ว หากเจ้าหน้าที่สามารถขยายการตรวจเชื้อและปรับปรุงการติดตาม เพื่อตามรอยการติดเชื้อรายใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยกย่องแอปโควิดเซฟนี้ว่าเป็นหนทางสำคัญที่ใช้ในการติดตามการติดเชื้อได้ แอปนี้ใช้สัญญาณบลูทูธของสมาร์ทโฟนในการติดตามผู้ใช้งานคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง หากมีผู้ใช้งานติดเชื้อไวรัส ผู้ที่อยู่ในรัศมีของสัญญาณจะได้รับการแจ้งเตือน ทำให้การติดตามผู้ที่อาจติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อทำได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ดี มีความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล แต่ฮันต์และเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลย้ำว่า แอปนี้ไม่ใช่แอปติดตามตำแหน่งของบุคคล และมีเพียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐเท่านั้นที่สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้.