ชาติยุโรปที่ประสบวิกฤติหนักสุดเริ่มหายใจคล่อง ยอดดับรายวันลดลงต่อเนื่อง หลายประเทศเตรียมแผนถอนตัวจากล็อกดาวน์ ขณะยอดติดเชื้อทั่วโลกจ่อ 3 ล้านราย รัสเซียกราฟยังพุ่งยอดติดเชื้อแซงหน้าจีนแล้ว ด้านข้าหลวงสิทธิยูเอ็นห่วงการใช้อำนาจควบคุมมาตรการฉุกเฉินก่อ "หายนภัยด้านสิทธิมนุษยชน"
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มแพร่ระบาดในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงขณะนี้ได้คร่าชีวิตชาวโลกแล้วราว 207,000 คน นับข้อมูลที่รวบรวมถึงช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 และมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้แล้วทั่วโลกเกือบ 3 ล้านคน สหรัฐอเมริกาสถานการณ์หนักที่สุด แต่กำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เผยว่า สหรัฐมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,330 รายภายใน 24 ชั่วโมง นับถึงเวลา 20.30 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งลดลงจาก 2,494 ศพเมื่อวันเสาร์ แต่ใกล้เคียงกับยอด 1,258 ศพของวันศุกร์
จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐถึงวันจันทร์มีมากเกือบ 55,000 รายแล้ว จากผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 966,000 ราย รัฐนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเกือบ 300,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 22,000 ราย แต่แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐ กำลังเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยเขาประกาศแผนจะเริ่มเปิดเศรษฐกิจระยะแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม หากจำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลลดลง
หลายมลรัฐของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเองโดยไม่นำพาคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญ เช่น รัฐจอร์เจียอนุญาตให้ธุรกิจนับหมื่นแห่งเปิดดำเนินการได้ตามปกติ และรัฐโอคลาโฮมาอนุญาตให้ภัตตาคารและโรงภาพยนตร์เปิดกิจการได้ตั้งแต่เดือนหน้า
ในฝั่งยุโรป เอเอฟพีรายงานว่า สี่ประเทศที่สถานการณ์หนักหนาที่สุดและมีผู้เสียชีวิตเกิน 20,000 คน ต่างรายงานว่าจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันลดลงหรือทรงตัว ให้ความหวังว่าสถานการณ์ในประเทศเหล่านี้ผ่านจุดสูงสุดแล้วอย่างน้อยในตอนนี้ โดยสเปนซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 331 คนเมื่อวันจันทร์ จำนวนรวมเป็น 23,521 ศพ มากเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐและอิตาลี ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 236,199 ราย
ข้อมูลของจอห์นฮอปกินส์ที่รวบรวมถึงวันอาทิตย์นั้น อิตาลีมีผู้เสียชีวิต 26,644 คน จากผู้ติดเชื้อ 197,675 คน, ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิต 22,856 จากผู้ติดเชื้อ 162,220 คน และอังกฤษมีผู้เสียชีวิต 20,732 คน จากผู้ติดเชื้อ 154,037 คน ยอดเสียชีวิตรายวันของอิตาลีและสเปนเมื่อวันอาทิตย์นั้นต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ของฝรั่งเศสลดลงเกิน 1 ใน 3 จากวันก่อนหน้านั้น ส่วนของอังกฤษต่ำที่สุดนับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม
นายกฯ จูเซปเป คอนเต ของอิตาลี ซึ่งประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ก่อนทุกประเทศในยุโรปตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม เตรียมผ่อนคลายมาตรการนี้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม แต่ยังบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะและเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด
ประเทศอื่นที่สถานการณ์ดีขึ้นแล้วก็เริ่มยืดหยุ่นมาตรการมากขึ้น นอร์เวย์กลับมาเปิดโรงเรียนประถมศึกษาเมื่อวันจันทร์ สวิตเซอร์แลนด์อนุญาตให้บางธุรกิจเปิดกิจการได้ ส่วนในนิวซีแลนด์ นายกฯ จาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศว่าประเทศชนะการต่อสู้กับไวรัสนี้แล้ว และรัฐบาลของเธอเตรียมจะเริ่มถอนตัวจากการล็อกดาวน์
กรุงปักกิ่งและมหานครเซี่ยงไฮ้ของจีนก็เปิดโรงเรียนตามเดิมแล้วเช่นกัน แต่นักเรียนจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิและต้องมีรหัสสุขภาพ "สีเขียว" แสดงในแอปที่คำนวณความเสี่ยงของการติดเชื้อ การผ่อนคลายมาตรการนี้เป็นผลจากมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ซึ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดน้อยลง โดยในวันจันทร์ จีนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่แค่ 3 คน ยอดสะสมอยู่ที่ 82,830 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 4,633 ศพ แต่ยังมีความวิตกว่าไวรัสนี้อาจกลับมาระบาดได้อีกโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ
รัสเซียซึ่งมีพรมแดนยาวเหยียดติดกับจีนกำลังมีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงกว่า เมื่อวันจันทร์รัสเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,198 ราย ยอดรวมเป็น 87,147 ราย มากแซงหน้าจีนแล้ว โดยมีผู้เสียชีวิต 794 ราย
ในกลุ่มอาเซียน กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ที่ 799 ราย โดยมี 14 รายที่เป็นชาวสิงคโปร์หรือชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวร ที่เหลือเป็นแรงงานข้ามชาติที่มีใบอนุญาตทำงานถูกต้องตามกฎหมายและส่วนใหญ่พักในหอพักแรงงาน จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของสิงคโปร์เพิ่มเป็น 14,423 ราย
สัปดาห์ที่แล้วสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นหลักพันติดต่อกันหลายวัน แต่ช่วงหลายวันมานี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ รายงานเมื่อวันอาทิตย์นั้น สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 931 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเดิมมาตั้งแต่วันพุธที่แล้ว ที่ 12 ศพ
ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากรองลงมาคืออินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 214 คน ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 9,096 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 22 คน ยอดรวมเป็น 765 ศพ อินโดนีเซียตรวจเชื้อไปแล้วมากกว่า 59,000 ราย ส่วนฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อมากรองลงมาที่ 7,777 คน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 198 คนเมื่อวันจันทร์ เสียชีวิตเพิ่ม 10 คน ยอดรวมเป็น 511 ศพ และมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40 คน ยอดสะสมเพิ่มเป็น 5,820 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน ยอดรวมเป็น 99 ศพ
วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานคำแถลงของมิเชล บาชเล็ต ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่กล่าวเตือนว่า หลายประเทศกำลังใช้อำนาจตามมาตรการฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดไปในทางที่เสี่ยงต่อการก่อ "หายนภัยด้านสิทธิมนุษยชน"
"อำนาจฉุกเฉินไม่ควรเป็นอาวุธที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อปราบปรามผู้ที่เห็นแย้ง, ควบคุมประชากร หรือแม้แต่ใช้เพื่อยืดเวลาการครองอำนาจให้ยืนยาว" ข้าหลวงสิทธิยูเอ็นกล่าว "อำนาจเหล่านี้ควรใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |