"อ.อัษฏางค์" ไขข้อข้องใจ"เมล็ดพันธุ์พืช" กับ " ข้อดี- ข้อเสีย CPTPP "


เพิ่มเพื่อน    

 


27เม.ย.63-อาจารย์อัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกระแสโจมตีข้อตกลง CPTPP เนื้อหาดังนี้ 

“ไขข้อข้องใจในปัญหาการเก็บพันธุ์พืชไว้ใช้ กับข้อตกลง CPTPP”

............................................................................
“เสียงร่ำลือ”

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนและเกษตรกร ถึงปัญหาที่เป็นข้อกังวลว่าเกษตรไทยจะไม่สามารถเก็บพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ เมื่อเริ่มใช้ข้อตกลง CPTPP”

ประชาชนเกิดความกังวลและร่ำลือกันว่า...
การยอมรับ UPOV1991 จะทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถเก็บเมล็ดไปปลูกต่อในครั้งต่อไปได้เหมือนเมื่อก่อน

ซึ่งการเก็บรักษาพันธุ์พืชเพื่อปลูกต่อ และแลกเปลี่ยนระหว่างเกษตรกร คือวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย

นอกจากนี้เกษตรกรยังต้องซื้อเมล็ดใหม่เท่านั้น ทำให้ต้นทุนการเกษตรยิ่งสูงขึ้น 3-5 เท่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร วงการเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย

แต่สนธิสัญญานี้กลับไปเอื้ออำนวยประโยชน์แก่บรรษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรและอาหาร และบรรษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติ

............................................................................
**ความจริง คือ

มีข้อยกเว้นให้เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในพื้นที่เพาะปลูกของตนได้

• สามารถใช้ประโยชน์จากผลผลิตและผลิตภัณฑ์ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของพันธุ์หากซื้อมาถูกกฎหมาย

• สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในกลุ่มพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ดั้งเดิม พันธุ์ป่าของพืชทุกชนิดรวมทั้งสมุนไพร และพันธุ์การค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครองไปปลูกต่อได้เหมือนเดิม

............................................................................
ผมเชื่อว่า การทำงานทุกอย่าง ย่อมมีข้อเสียแน่นอน
แต่ข้อตกลงนี้ มีข้อดีมีมากกว่าข้อเสียเยอะ เพียงแต่จะอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจนั้น ไม่ง่ายนัก

เพราะมันคือการที่ต้องอธิบายวิชาการค้าระหว่างประเทศและวิชาเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง

ของแบบนี้ บางทีมันก็อยู่ที่ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของชาวบ้านที่มีต่อรัฐบาล

คนที่เชื่อใจยังไงก็ไว้ใจ ส่วนคนไม่เชื่อใจ ยังไงก็ไม่มีวันไว้ใจ

............................................................................
ถ้าใครขี้เกียจอ่านยาวๆ แค่ย่อหน้าแรกดังกล่าว คงตอบคำถามข้อข้องใจได้แล้ว

แต่ถ้าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม มาตามต่อกัน...

............................................................................
“CPTPP”

มีชื่อเต็มว่า Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก

โดยเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในเรื่องการค้า การบริการ และการลงทุนเพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก

ทั้งในประเด็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน กฎหมายสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลไกแก้ไขข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลและนักลงทุนต่างชาติ

คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้ความเห็นชอบที่จะนำไทยเข้าเป็นประเทศหนึ่งที่ข้อตกลง CPTPP โดยอ้างว่า จากข้อตกลงนี้ ไทยจะได้มากกว่าเสีย

สมาชิก CPTPP มีทั้งหมด 11 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม

............................................................................
**ขัอดึ

จากการที่ประเทศไทยพึงพิงการส่งออก-นำเข้าเป็นหนึ่งในเสาหลักเศรษฐกิจโดยมีมูลค่าสูงถึง 123% ของ GDP ทำให้ปัจจัยเกื้อหนุนของไทยจาก CPTPP นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 เรื่องดังนี้

•การส่งออก
CPTPP จะเพิ่มโอกาสการส่งออกของไทยไปยังประเทศสมาชิก CPTPP

•การลงทุนจากต่างประเทศ
CPTPP จะช่วยดึงดูดการลงทุนที่ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศสมาชิก CPTPP

•ความสามารถทางการแข่งขัน
CPTPP จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย จากการปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ CPTPP

............................................................................
**ข้อเสีย

จะมีธุรกิจของไทยที่โดนผลกระทบจากการเข้าร่วม CPTPP 2 ธุรกิจ คือ
•ธุรกิจบริการ
•อุตสาหกรรมเกษตร

............................................................................
•อุตสาหกรรมเกษตร

มีความเป็นไปได้สูงที่ไทยจะเผชิญกับการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจากแคนาดา เช่น ปุ๋ย และถั่วเหลือง ที่จะเข้ามาตีตลาดไทยหลังการเปิดเสรีด้านการค้า

นอกจากนี้ CPTPP ยังมีข้อบัญญัติให้ประเทศสมาชิกต้องเข้าร่วมในอนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV (International Union for the Protection of New Varieties of Plants)

ที่จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถนำพันธุ์พืชพื้นเมืองไทยไปทำการวิจัยเพื่อสร้างพันธุ์พืชใหม่แล้วจดสิทธิบัตรได้

ข้อนี้ส่งผลเสียต่อเกษตรกรไทยโดยตรง เพราะถ้านำพันธุ์พืชใหม่นี้มาปลูกแล้ว จะไม่สามารถเก็บเมล็ดไปปลูกต่อได้เหมือนเมื่อก่อน ต้องซื้อเมล็ดใหม่เท่านั้น ทำให้ต้นทุนการเกษตรยิ่งสูงขึ้น

............................................................................
**ต่อข้อสงสัยในปัญหาการคุ้มครองพันธุ์พืชดังกล่าว นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า

เรื่องการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่และการเข้าเป็นสมาชิกอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) ได้ให้ทางเลือกแก่สมาชิก CPTPP

• สามารถออกกฎหมาย กำหนดเป็นข้อยกเว้นให้เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในพื้นที่เพาะปลูกของตนได้

• อีกทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากผลผลิตและผลิตภัณฑ์ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของพันธุ์หากซื้อมาถูกกฎหมาย

• จึงแก้ปัญหาที่เกษตรกรมีข้อกังวลว่าจะไม่สามารถเก็บพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้เมื่อเข้าเป็นสมาชิก UPOV

• รวมทั้งยังคงสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในกลุ่มพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ดั้งเดิม พันธุ์ป่าของพืชทุกชนิดรวมทั้งสมุนไพร และพันธุ์การค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครองไปปลูกต่อได้เหมือนเดิม

............................................................................
เป็นธรรมดาที่เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ การเข้ามาของ CPTPP ก็เช่นกัน แต่ถ้ามองในระยะยาว การตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP น่าจะเป็นผลดีกับไทยมากกว่า เพราะจะกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนภายในประเทศปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่มากขึ้น

............................................................................
ปัญหาเดิมๆ ของรัฐบาลคือ...

การประชาสัมพันธ์ข้อดีของข้อตกลงนี้ ของรัฐบาลมีน้อยเกินไป

และมีกลุ่มคนเจ้าเดิมๆ เอาข้อเสียมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสีย และพยายามทำให้มันขยายวงกว้าง

ซึ่งข้อเสียดังกล่าวนั้นบังเอิญตรงกับนิสัยคนไทยในภูมิภาค ที่เคยชินกับการทำแบบเดิมๆ ไม่ค่อยอยากเปลี่ยนแปลง คือชอบทำอย่างที่เคยทำมา

ในขณะที่รัฐบาลพยายามทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน

แต่ฝ่านแค้นกลับจ้องโจมตี ด้วยการเอาข่าวจริงผสมข่าวปลอมบิดเบือนเนื้อหาสาระ และเจตนาอันดีของรัฐบาลอยู่ร่ำไป

ของแบบนี้ บางทีมันก็อยู่ที่ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของชาวบ้านที่มีต่อรัฐบาล

คนที่เชื่อยังไงก็ไว้ใจ ส่วนคนไม่เชื่อ ยังไงก็ไม่มีวันเชื่อใจ

............................................................................
ที่มา:
https://www.scbeic.com/th/detail/product/4727

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877992

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/878002

............................................................................
อัษฎางค์ ยมนาค
รวบรวม
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"