4 เม.ย.61 - นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เผยเปิดหนึ่งในนโยบายของพรรคเรื่อง "ผู้ลี้ภัยทางการเมือง, สิทธิมนุษยชน และไทยในเวทีโลก" ผ่านเพจเฟซบุ๊กThanathorn Juangroongruangkit -ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า "ผมมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยทางการเมือง เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสเยี่ยมค่ายผู้อพยพชาวภูฏานที่ประเทศเนปาล ชาวภูฏานกลุ่มนี้มีชาติพันธุ์และความเชื่อที่ต่างจากคนส่วนใหญ่ของภูฏาน เมื่อความหลากหลายไม่ได้ถูกยอมรับในกระบวนการสร้างชาติ ผลที่เกิดขึ้นคือการทำลายความแตกต่างอย่างเป็นระบบ ทั้งด้วยกฏหมายและด้วยความรุนแรง ผู้อพยพชาวภูฏานในประเทศเนปาลที่ผมพบคือผลของกระบวนการเหล่านี้
ในค่ายผู้อพยพชาวภูฏานที่ผมมีโอกาสสัมผัส มีผู้อพยพอยู่หลายหมื่นคน ครอบครัวแต่ละครอบครัวได้รับปันส่วนพื้นที่เล็กน้อยให้สร้างเป็นเพิงพักจากไม้ไผ่ พื้นที่ไม่เกิน 20 ตารางเมตร เป็น “บ้าน” สำหรับครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ซึ่งใช้พื้นที่นั้นเป็นทั้งห้องนอน, ห้องครัว, ห้องนั่งเล่น อาหารการกินไม่เคยพอและถูกหลักสุขอนามัย การศึกษาทำผ่านอาคารเรียนขนาดเล็กซึ่งอัตคัดทั้งครูและอุปกรณ์การเรียนการสอน และที่สำคัญ ผู้อพยพเหล่านั้นไม่เคยมีสิทธิและเสรีภาพ จำนวนน้อยมากในพวกเขาเหล่านั้น ได้รับอนุญาตให้ไปหางานทำนอกค่ายผู้อพยพได้ ส่วนใหญ่จึงอยู่ได้ด้วยการบรรเทาทุกข์ขององค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาไม่มีอนาคต โอกาสเดินทางกลับบ้านเป็นศูนย์ ลูกๆ ของพวกเขาเติบโตในค่ายผู้อพยพ หมดโอกาสได้เข้าถึงการเรียนรู้, เห็นโลกกว้าง และมีโอกาสไล่ตามความฝันอย่างที่เด็กๆ ควรจะได้รับ
สถานการณ์ของชาวโรฮิงญามีลักษณะคล้ายกัน องค์กรระดับโลกหลายองค์กรได้ยืนยันถึงการเกิดขึ้นจริงของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาโดยกองทัพเมียนมา การใช้ความรุนแรงต่อโรฮิงญามีลักษณะตั้งแต่ข่มขู่คุกคาม, จำกัดสิทธิเสรีภาพ ไปจนถึงการข่มขืนและการทำลายชีวิต
เมื่อตั้งพรรคการเมือง หลายคนถามผมว่า หากพรรคเราได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนในเวทีโลก? คำตอบของผมคือเราต้องเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ สร้างอาเซียนให้มีอำนาจต่อรองในเวทีโลกและเป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน
ไทยสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประชาธิปไตยในอาเซียน เพื่อนำคนอีกหลายล้านคนที่ขาดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น, สิทธิทางการเมือง, ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว และที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความยากจน ให้มาสู่สังคมที่ดีกว่าได้หากผู้นำของประเทศกล้าที่จะทำ
เรามีทั้งศักยภาพและพลังทางเศรษฐกิจเพียงพอที่จะสร้างให้ไทยเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ เราสามารถนำประเทศในอาเซียนได้ถ้าเราหันกลับมายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนสากล เราสามารถแสดงให้ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เห็นได้ว่าการพัฒนาประเทศด้วยประชาธิปไตยและการยอมรับในความหลากหลายเป็นไปได้และควรจะเป็น
การผลักไสผู้อพยพโรฮิงญาเป็นการหาทางออกที่ง่ายแต่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม และเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ยั่งยืน การเผชิญหน้ากับปัญหาและกล้าที่จะพูดเรื่องที่อาจไม่เป็นที่นิยมแต่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมทางการเมืองกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าพรรคเรามีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะยื่นมือของคนไทยไปให้พวกเขา และจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างกระฉับกระเฉงด้วยการเปิดการพูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาอย่างมียุทธศาสตร์ ใช้เวทีอาเซียนเป็นตัวกลางแก้ปัญหานี้ร่วมกัน เหมือนที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย กำลังทำอยู่ และได้ช่วยรับผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งไปแล้วด้วย โดยเฉพาะมาเลเซียที่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาทำงานได้ กลายเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ไม่ใช่ภาระเรื้อรังของประเทศอื่นๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ
เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาล่องลอยอย่างเดียวดายในทะเล ถูกผลักไสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เราจะทำให้คนไทยภูมิใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |