กลายเป็นประเด็นร้อนๆ พุ่งทะยานท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังเมื่อวันที่ 23 เม.ย.63 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่องตั้งกรรมาธิการการตำรวจแทนตำแหน่งที่ว่าง ระบุ "ตามที่ได้มีประกาศสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 12 กันยายน 2562 ตั้งนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการตำรวจนั้น เนื่องจากนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ได้พ้นจากกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการตำรวจ เพราะลาออก และในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ประชุมเห็นชอบตั้ง นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร เป็นกรรมาธิการแทน ลงชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกาศ ตั้งแต่ 21 กุมภาพันธ์ 2563" เพราะตั้งแต่ราชกิจจาฯ เผยแพร่ก็เกิดรายการดรามาในแวดวง "สีกากี" มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ "ตั๊น-จิตภัสร์” ที่มานั่ง “กรรมาธิการการตำรวจ” เหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะหยิบยกเมื่อครั้ง "ตั๊น-จิตภัสร์" เป็นแกนนำ กปปส. นำผู้ชุมนุมมาปิดล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้ชุมนุมบางส่วนใช้เท้าถีบป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขนาดตำรวจระดับ "ผู้การฯ" บางคนยังมาคอมเมนต์...เสียงสะท้อนจากคนสีกากีขนาดนี้ ไม่รู้ ผบ.แป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี จะว่าอย่างไร ๐

                สังเวยบ่อนการพนันไปอีกโรงพัก "สน.บางชัน" เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจเข้าจับกุมบ่อนการพนัน ภายในโต๊ะสนุกเกอร์ ซอยรามคำแหง 148 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จับกุมนักพนัน 41 คน พร้อมของกลางไพ่เสือมังกรหลายสำรับ และเงินสด 4,000 บาท ทำให้ บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เซ็นคำสั่ง บช.น. ได้มีหนังสือ ที่ 0015.112/5796 ให้ 5 เสือโรงพักบางชัน ประกอบด้วย ว่าที่ พ.ต.อ.พิชิต กอปรกิจงาม ผกก.สน.บางชัน, พ.ต.ท.อุปดิศย์ ราชกิจเจริญ รอง ผกก.ป.สน.บางชัน, พ.ต.ท.อภิชาติ อุตรมาตย์ รอง ผกก.สส.สน.บางชัน, พ.ต.ต.ไมตรี กิ่งสกุล สว.สส.สน.บางชัน และ ร.ต.อ.สุทธา หนูพลกัง รอง สวป.สน.บางชัน รรท.สวป.สน.บางชัน ไปปฏิบัติราชการ ศปก.น. นับแต่วันที่ 23 เม.ย.63 จนกว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม รอง ผบก.น.4 รักษาราชการแทน ผกก.สน.บางชัน, พ.ต.ท.ศุภกร กันทาลักษณ์ รอง ผกก.ฝอ.บก.น.8 รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สน.บางชัน, พ.ต.ท.โด่งดัง โกกะพันธ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บุคคโล รักษาราชการแทน รอง ผกก.สส.สน.บางชัน, พ.ต.ท.พิรัชย์ สัจจา สว.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4 รักษาราชการแทน สว.สส.สน.บางชัน ๐

                ส่วนอีก 2 โรงพัก สน.ท่าข้าม และ สน.ดอนเมือง รอดโดนเชือดไปหวุดหวิด แม้ในพื้นที่จะถูกจับกุมบ่อนการพนัน แต่ "บิ๊กอู๊ด" บอกทั้ง พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม และ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง ได้รายงานให้ทราบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง เป็นการลักลอบเล่นการพนันในบ้านพักอาศัย และทาง ผกก.สน.ท่าข้าม และ ผกก.สน.ดอนเมือง ก็เข้าจับกุมด้วยตนเอง โดยพื้นที่ สน.ท่าข้ามสามารถจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันได้ 20 ราย และพื้นที่ สน.ดอนเมือง สามารถจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันได้ 19 ราย เป็นการกระทำความผิด ข้อหาลักลอบเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนข้อห้ามตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต่างจาก สน.บางชัน ที่ทาง บช.น.ได้รับเบาะแสมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ เป็นร้านสนุกเกอร์เก่าเอง รวมทั้งร้านสนุกเกอร์เป็นสถานที่ที่ทางกรุงเทพมหานครประกาศสั่งปิดชั่วคราว แต่กลับมีการลักลอบเล่นกันเป็นจำนวนมาก 5 เสือโรงพักบางชันเลยต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ๐

                เป็นอีกหน่วยงานที่ "หั่นงบประมาณ" ตามนโยบายรัฐบาลนำงบประมาณจำนวน 10% มาช่วยแก้ปัญหาจากโควิด-19 โดย "ผบ.แป๊ะ" มอบหมายให้ "บิ๊กนู" พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ดูแลงานบริหาร เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับ พล.ต.ต.ภานุพงศ์ ชอบเพื่อน ผู้บังคับการกองงบประมาณ สำนักงานงบประมาณและการเงิน ดำเนินการหั่นงบประมาณ ทั้งการแจ้งให้ทุกหน่วยที่ได้รับจัดสรรไปแล้วในส่วนน้ำมัน เบี้ยเลี้ยง โอที ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กันเอาไว้ใช้ 10 เปอร์เซ็น เพื่อเป็นค่าอาหาร ซื้อข้าวของ เฟซชิลด์ อีกส่วนหนึ่งเป็น พ.ร.บ.โอนงบประมาณคืน โดยงบดังกล่าวเป็นงบผูกพัน ซึ่งตั้งงบประมาณไว้ในปี 63-64 และจะนำงบที่ถูกโอนคืนไปปี 63 ไป มาตั้งงบประมาณรองรับกลับคืนมาในปี 65 ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติคืนงบไป 657 ล้านบาท เป็นงบประจำ 119 ล้านบาท และงบลงทุน 538 ล้านบาท ๐

เป็นเรื่องที่กองทัพบก (ทบ.) โทษใครไม่ได้ นอกจาก “วิธีคิด” ในการให้ข้อมูลเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์ในยุคโควิด-19 ที่ทุกหน่วยงานก็ต้องตัดงบประมาณเพื่อโอนมาช่วยเหลือประชาชนตามมติ ครม. เพราะสังคมต่างก็ “โฟกัส” เรื่องลำดับความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้เงิน ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างตรงไปตรงมาต่อวงเงินที่ถูกตัดออกไป อีกทั้งก็เป็นแนวทางของ ผบ.ทอ.ในการจัดทำแผนระยะยาวให้สังคมรับทราบผ่าน สมุดปกขาว แผนและวิสัยทัศน์การพัฒนากองทัพเพื่อรับรู้และรับทราบการใช้ภาษีของประชาชน ส่วนกองทัพเรือ ทาง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) แม้จะเคยย้ำว่า ทร.ไม่ซื้ออาวุธบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อถึงช่วงสถานการณ์ที่ต้องบอกต่อสังคมว่า ทร.ได้ดำเนินการเรื่องการตัดงบ ปี 63 อย่างไรบ้าง ก็ไฟเขียวให้ พล.ร.อ.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ออกมาแจกแจงการตัดงบประมาณเรือดำน้ำ และรายการอื่นๆ 

แต่ ทบ.เป็นเหล่าทัพเดียวที่ยังไม่ “ตกผลึก”และไม่ได้ชี้แจงทั้งที่สื่อทุกสำนักได้สอบถามอย่างต่อเนื่อง และเป็นเรื่องแปลกที่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องที่ “need to know” ทีมโฆษกกองทัพบก ทั้ง "เสธ.ต๊อด" พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพ และ "เจ๊นิ่ม" พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ต่างก็ใบ้กิน จนสื่อบางสำนักได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวด้วยการนำเอกสารทางพัสดุภัณฑ์ที่ลงในเว็บไซต์ของกรมสรรพาวุธ ทบ. มาเปิดเผย ตามมาด้วยกระแสทวิตเตอร์ ติดแฮชแท็ก “รถเกราะพ่องง” ถล่มโจมตีจนเละ แต่ก็ตามมาด้วยรายงานข่าวว่า ทบ.ในการตัดงบ 30 เปอร์เซ็นต์ช่วยโควิด-19 มีการเลื่อนโครงการซื้อรถเกราะ “สไตรเกอร์” ล็อต 2 ไปในงบปี 64 ซึ่งถือว่าเป็นภาพบวกกับกองทัพบก แต่ที่น่าแปลกใจคือ ในช่วงเย็น ทีมโฆษก ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ ปรามให้ “เบาๆ กันหน่อย” และเลือกที่จะไม่แถลงเรื่องการเลื่อนโครงการล็อต 2 ออกไป (แต่ไปปรากฏในการสรุปข้อมูลของทีมงานโฆษกที่ส่งให้ภายหลัง) แต่มุ่งไปที่ประเด็นการตัดงบผูกพันสไตรเกอร์ล็อต 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมสรุปรวมว่า ทบ.ตัดงบมากที่สุด เกือบครึ่งหนึ่งของงบกลาโหม ที่มียอดรวม 1.8 หมื่นล้านบาท โชว์ป๋าหน้าสื่อ....ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่าด้วยเรื่อง “รถเกราะสไตรเกอร์” จึงดูแปลกแปร่งกว่าที่ควรจะเป็น

หลังจาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศพูดคุยอธิบายเหตุผล และให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจแก่ทหารกองประจำการ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ สภาพการจ้างงาน และความรับผิดชอบต่อครอบครัว เพื่อโน้มน้าวให้สมัครใจอยู่รับราชการต่อ จนล่าสุดพบว่ามีผู้สมัครอยู่ต่อจำนวนมากขึ้น เพราะหากพลทหารที่ครบปลดฯ ออกจากราชการไปหมด ก็จะส่งผลให้กำลังพลไม่พอต่อภารกิจงาน และ ทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ ต้องรอไปถึงประมาณเดือน ก.ย. เพราะมีการเลื่อนกำหนดการเกณฑ์ทหารออกไปจากผลกระทบของโควิด-19.