อัด'ทักษิณ-ปู'ไม่รู้จักอาย! ทำผิดกม.ยังกล้าโผล่หน้า


เพิ่มเพื่อน    

   “ประยุทธ์" ตอก 2 พี่น้องหนีคดีสุดด้าน!   ทำผิดกฎหมายยังกล้าโผล่หน้าอีก ระบุย้ำทางการไทยดำเนินการขอตัวไปแล้ว แต่การตัดสินใจอยู่ที่ประเทศนั้นๆ
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดำเนินการหลังนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวในต่างประเทศว่า “ไม่ทำอะไรหรอก”
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการเย้ยหรือไม่ว่ารัฐบาลไม่สามารถใช้กฎหมายไทยดำเนินการอะไรได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ถูกเย้ยอะไรเลย เพราะทางกฎหมายก็ได้ทำไปแล้ว กฎหมายไปบังคับต่างประเทศได้หรือไม่ แล้วเขาส่งตัวกลับมาหรือไม่ ถ้าต่างประเทศเขาไม่ส่งก็คือไม่ส่ง เข้าใจกันหรือไม่ พวกคุณจะเอากฎหมายในประเทศไปบังคับเขาได้อย่างไร 
    "ได้มีการประสานไปทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีการยืนยันหรือตอบรับอะไรมา แล้วการที่อดีตนายกรัฐมนตรีเคลื่อนไหว ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่รัฐบาลของประเทศปลายทางเขาอนุมัติเป็นครั้งคราว ไม่ได้อนุมัติให้ตลอดไป ครั้งนี้เขาอนุมัติให้ไปซื้อหนังสือ แล้วผมจะไปรู้สึกอะไรกับเขา เขาน่าจะอายผมมากกว่า ทำผิดกฎหมายแล้วยังเอาหน้าออกไปข้างนอกอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวในงานเปิดตัวหนังสือของนายฮาจิเมะ อิชิอิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของญี่ปุ่น ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จบแล้วเรื่องนี้ ไม่มีอะไรแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ได้มีการพูดคุยแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รายงานในเรื่องนี้ แต่รายงานเรื่องอื่นที่เป็นเนื้อหาทางการเมือง ความสัมพันธ์ของไทยและญี่ปุ่นในแง่มุมอื่น 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะปล่อยไปเลย หรือให้เป็นเรื่องการภายในเงียบๆ นายดอนกล่าวว่า เรื่องนี้เขาคุยกันอยู่เรียบร้อยแล้ว ตนแค่มานั่งฟังว่าหลังจากจับเข่าคุยกันแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศอยู่ในพื้นที่และมีการพูดคุยแล้ว 
    พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงไปแล้วในเรื่องกระบวนการต่างๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลคืบหน้าอะไร แต่ตนยอมรับว่าเป็นปัญหาที่ยากพอสมควรในการติดตามตัว 2 อดีตนายกฯ เพราะมีขั้นตอนระหว่างประเทศ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องพยายามดำเนินการในกรอบที่สามารถทำได้
    พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้มีการประเมินความเคลื่อนไหวของ 2 อดีตนายกฯ แต่อย่างใด เนื่องจากอยู่นอกประเทศ เพราะตนให้ความสำคัญกับเรื่องภายในประเทศมากกว่า และไม่ได้ไปมองไกลขนาดนั้น เนื่องจากมีผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดำเนินการอยู่ ส่วนที่ต่างประเทศให้พื้นที่ของ 2 อดีตนายกเคลื่อนไหวนั้น คิดว่าคงต้องไปถามต่างประเทศ ซึ่งเท่าที่ตนทราบ น่าจะเป็นภาคเอกชนของญี่ปุ่นที่เชิญทั้งสองคนมา ซึ่งเราก็ทำความเข้าใจในบ้านของเราไป 
    เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินว่านายทักษิณกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินเกมต่อสู้อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ”ไม่มีปัญหา และไม่ได้ประเมินอะไร ก็ให้ติดตามตัว ด้านคดีความตามกระบวนการก็ว่ากันไป และผมคิดว่าไม่ได้มีอะไรสำหลักสำคัญที่จะต้องไปตีความ ผมมองเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก”
    ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่านำเงินบริจาคมูลนิธิฯ เข้าบัญชีตัวเองว่า ตอนนั้นตนยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิฯ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องเก่า และเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ส่วนการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวนั้น ตนคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตรวจสอบ เพราะว่าเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนที่ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ประธานมูลนิธิฯ ส่วนที่มีการพาดพิง พล.อ.เปรมนั้น ทราบว่าทาง พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
    เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการนำเรื่องการเมืองมาโจมตี พล.อ.เปรม และจะมีการดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
    ทางด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมากล่าวโจมตีนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า คนที่ควรจะอายต่างประเทศ ไม่น่าใช่อดีตนายกรัฐมนตรีนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่คนที่ควรจะอับอายประชาคมโลกควรจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์มากกว่า เพราะพูดจากลับไปกลับมาเรื่องโรดแมปเลือกตั้ง ทั้งที่เคยให้คำมั่นต่อผู้นำของประเทศต่างๆ หลายครั้ง ปากอย่างใจอย่าง เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน และปิดกั้นเสรีภาพของคนในประเทศ ประกาศอยู่เสมอว่าสิทธิมนุษยชนคือวาระแห่งชาติ 
    ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อว่า ที่จริง พล.อ.ประยุทธ์ ควรเก็บไปคิดว่าต่างชาติมองรัฐบาลอย่างไร จึงไม่ให้ความร่วมมือกับท่าน ทั้งนี้ ในโลกยุคโซเชียลมีเดีย ทำไมชาวต่างชาติจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตนายกรัฐมนตรีจากตระกูลชินวัตร และประชาชนที่คิดต่างจากรัฐบาล เขาย่อมเข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไรคนไทยจำนวนหนึ่งจึงอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังมีอำนาจอยู่ได้ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ใครกันแน่ที่น่าอาย ระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกยึดอำนาจ ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง แถมโดนคดีแบบ 2 มาตรฐานกับนักรัฐประหารที่จ้องสืบทอดอำนาจ ทั้งที่ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศและไม่จริงใจในการปราบโกง พอเป็นพรรคพวกของตัวเองทำผิดกลับไม่กล้าแตะ อย่ามัวแต่ห่วงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี รีบคืนอำนาจให้ประชาชนเสียที เห็นแก่อนาคตของประเทศบ้าง เพราะขณะนี้ประชาชนไม่กล้าใช้เงินเพราะขาดความเชื่อมั่น  ทำให้เศรษฐกิจไม่คึกคัก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"