ระหว่างความรักโลกกับรักตัวเอง


เพิ่มเพื่อน    

 

 

    ช่วงวันพุธที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา...ว่ากันว่าตรงกับวัน Earth Day หรือ วันคุ้มครองโลก ที่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง UNESCO เขาจัดให้เป็นวันสำคัญ วันที่ต้องเฉลิมฉลอง มาตั้งแต่เกือบ 50 ปีที่แล้ว และดูเหมือนว่า...สำหรับ Earth Day คราวนี้ บรรดาผู้ที่รักโลก รักษ์โลก หรือผู้ที่เห็นความสำคัญของโลก เขาออกจะซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ กันไปมิใช่น้อย...

                              --------------------------------------------------

            ซึ่งคงต้องยอมรับ อย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า...ด้วยเหตุเพราะท่านเชื้อโคโรนาไวรัส COVID-19 ท่าน จัดให้ โลกช่วงนี้ หรือช่วง Earth Day ปีนี้ เลยเป็นอะไรที่สดสวย สดใส ขึ้นมาเป็นกอง ดังที่ผู้ซึ่งรักโลก และรักษ์โลก มาโดยตลอด อย่าง ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ท่านได้จังหวะออกไปลอยคอ ลอยเรือ อยู่ในทะเลไทย แถวๆ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง แล้วอดไม่ได้ต้อง โพสต์ ถี่ๆ มาแจ้งให้บรรดาผู้ที่รักโลก และรักษ์โลก ด้วยกันทั้งหลาย รับรู้ รับทราบ กันโดยถ้วนหน้า...

                   ------------------------------------------------

            คือไม่ได้แค่เฉพาะ นากทะเล ที่โผล่ขึ้นมาเล่นน้ำริมชายหาดภูเก็ตให้เห็นกันจะจะ เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุเพราะบรรดาฝรั่งที่ชอบนอนแก้ผ้าริมหาด ต่างเผ่นหนีเชื้อ COVID-19 กันไปซะเกลี้ยง แต่ลึกเข้าไปในวนอุทยานทางทะเล เช่น ที่จังหวัดตรัง ฝูงพะยูนเกือบ 30 ตัว ออกมาสำเริง สำราญ แหวกว่ายวารี ให้ ดร. ธรณ์ มีโอกาสประสบพบเห็นกันจังๆ และยังมีฉลามหูดำกว่า 30 ตัว ที่พร้อมใจยกฝูงมาเยือนเกาะมาหยา หรือกระทั่งปลาวาฬเพชฌฆาต 10-15 ตัว โผล่ครีบ โผล่หาง ให้เห็นแถวๆ เกาะลันตา ชนิดผู้รักโลก และรักษ์โลก อย่าง ดร. ธรณ์ ท่านอดไม่ได้ต้องสารภาพว่า ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สมกับวัน Earth Day หรือสมกับ วันคุ้มครองโลก เป็นอย่างยิ่ง...

                -------------------------------------------------

            แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่า วันคุ้มครองโลก ปีนี้ โลกทั้งโลกจะสะอาด สดใส สวยสด งดงาม ขึ้นมาเป็นกอง แต่สำหรับบรรดามวลมนุษย์ผู้ร่วมโลกทั้งหลาย คงปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละว่า ต่างห่อเหี่ยว หดหู่ เศร้าหมอง ซึมกะทือ กันไปในระดับทั่วทั้งโลก อันเนื่องมาจากการที่ต้องต่อสู้กับเชื้อโรค ที่ออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาด เล่นงานมวลมนุษย์ในแทบทุกประเทศ ทุกสังคม จนแทบไม่มีโอกาสที่จะหันไปเล่นงานโลก หรือเล่นงาน ธรรมชาติ ได้ถนัดถนี่เหมือนเก่า ภายใต้สภาพเช่นนี้...มันเลยทำให้การ คุ้มครองโลก และการที่จะต้อง ต่อสู้กับโรค จึงกลายเป็น คนละเรื่องเดียวกัน ไปโดยปริยาย...

                ----------------------------------------------------

            หรืออย่างที่คุณน้อง หรือคุณหนู เกรตา ทุนเบิร์ก (Greta Thunberg) เด็กสวีเดนที่ได้รับการยกย่อง เชิดชู จากใครต่อใครว่าถือเป็นนักต่อสู้เพื่อพิทักษ์ ปกป้อง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบตัวจริง เสียงจริง แม้ออกจะปากจัดเกินวัยไปซะหน่อย แต่เธอก็ได้ออกมาเสนอแนะ ชี้แนะ เอาไว้ค่อนข้างเข้าท่าอยู่เหมือนกัน ในช่วงวัน Earth Day คราวนี้ คือเสนอให้บรรดาผู้มีอำนาจและบทบาท ในรัฐบาลต่างๆ ทั้งหลาย ให้รวมเอาการต่อสู้ 2 เรื่อง มารวมเข้าไว้เป็นคนละเรื่องเดียวกัน คือ สู้กับเชื้อโรค พร้อมๆ กับ สู้เพื่อคุ้มครองโลก ภายในเวลาเดียวกัน...

                    -----------------------------------------------------

            พูดง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุเพราะการที่ต้อง สู้กับเชื้อโรค อันทำให้รัฐบาลแต่ละรัฐบาลต้องออกมาควบคุม บังคับ ออกมาหยุดยั้งกิจกรรม หรือกิจการต่างๆ ของบรรดาผู้คนในแต่ละประเทศ แต่ละสังคม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ มันเลยกลายเป็นหลักฐานและข้อพิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัด ว่าด้วยการลด หรือการชะลอ กิจกรรมและกิจการนั้นๆ มีส่วนช่วยให้เกิดการ สู้เพื่อคุ้มครองโลก ได้อย่างจริงๆ จังๆ แบบชนิดแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน โลกทั้งโลกก็สดสวย สดใสขึ้นมาเป็นกอง บรรดามลพิษ มลภาวะในอากาศ อันเป็นตัวก่อให้เกิด สภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอากาศ ที่ร้ายกาจ รุนแรง ซะยิ่งกว่าเชื้อโรคอย่าง “COVID-19” ไม่รู้กี่ร้อย กี่พันเท่า ชนิดสามารถทำให้มวลมนุษย์ทั่วทั้งโลกอาจถึงขั้น สูญพันธุ์ เอาง่ายๆ ก็น่าจะได้รับการแก้ไข คลี่คลาย หรือทำให้การ สู้กับเชื้อโรค และ สู้เพื่อคุ้มครองโลก กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แบบเข้ากันได้พอดิบ พอดี เป๊ะๆๆ...

               ----------------------------------------------------

            ยิ่งการที่ต้องหาทางต่อสู้กับเชื้อโรค...ส่งผลให้ตัวเลข จีดีพี ของแต่ละประเทศ ต้องหดตัว ห่อตัว ถึงขั้นมีสิทธิ์ ติดลบ กันไปในแต่ละประเทศ ก็ยิ่งเป็นอะไรที่สอดคล้อง ต้องกัน กับบรรดาผู้ที่พยายามต่อสู้เพื่อคุ้มครองโลก ที่เคยเพียรพยายามนำเสนอมานานแล้วว่า ควรต้องหาทาง จำกัดการเติบโต (The limits to Growth) หรือ ลดระดับการเติบโต (Degrowth) หรือทำให้ การเติบโตเท่ากับศูนย์ (Zero Growth) ฯลฯ มาโดยตลอด ดังนั้น...ถ้าหากโลกทั้งโลก หรือรัฐบาลแต่ละรัฐบาล หยิบเอาหลักฐานและข้อพิสูจน์ ในการต่อสู้กับเชื้อโรค มาใช้เป็นบทเรียน หรือเป็นแบบอย่าง แนวทาง ในการต่อสู้เพื่อคุ้มครองโลก ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็น่าจะแฮปปี้เอนดิ้งกันไปได้ตลอดชั่วนิรันดร์กาล เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                     ----------------------------------------------------

            แต่ก็นั่นแหละ...จะมีรัฐบาลไหน มวลมนุษย์รายไหน ที่สามารถหยิบเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ ให้กับตัวเองและผู้อื่น กับธรรมชาติ หรือกับโลกทั้งโลก อันนี้...คงต้องวอต เอฟเวอร์ วิลบี วิลบี กันไปตามสภาพ เพราะแค่เชื้อโรคหยุดชะงัก ปิดก๊อกหนึ่ง ไปแค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว ยังไม่ทันได้เริ่มเปิดก๊อกสอง ใครต่อใคร...ก็ชักทนไม่ไหว หันมาเรียกร้อง หาทางออกไปทำกิจกรรม กิจการ กันชนิดจ้าละหวั่น อันเนื่องมาจากความรู้สึกรักตัวเองซะยิ่งกว่ารักโลก นั่นเอง ดังนั้น...ที่ตายไปแล้ว ก็คงต้องตายไป และที่กำลังต้องตายกันใหม่ ก็คงต้องตาย...กับ...ตาย อย่างมิอาจปฏิเสธนั่นแล...

                        -----------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Talmage” (อีกครั้ง)... Wise men are instructed by reason; men of less understanding by experience; the most ignorant by necessity; and beast by nature. -  คนฉลาดมากเรียนรู้ด้วยเหตุผล ฉลาดน้อยเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ ไม่ฉลาดเลยเรียนรู้ด้วยความจำเป็นบังคับ เดียรัจฉานเรียนรู้ด้วยธรรมชาติ...”.

                -------------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"