บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

 

        ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net ขยับเข้าใกล้หลักหน่วยขึ้นทุกวัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศไทยที่น่าชื่นใจด้วยลักกี้นัมเบอร์ หรือตัวเลขที่คุณหมอบอกว่าน่าชื่นชม จำนวน 13 ราย แล้วก็ไม่ลืมที่จะย้ำเตือนคนไทยอย่าวางใจกับสถานการณ์ "เราทำหน้าที่ของเราได้อย่างดี เดือนนี้เข้าเดือนที่ 4 ถ้าเปรียบเป็นมวยมี 12 ยก ก็เข้ายกที่ 4 ต้องเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ การที่เราได้ 13 ราย ณ วันนี้ จากที่เคยได้สูงสุด 188 ราย วันที่ 22 มี.ค. ตอนนี้ทำคะแนนได้อย่างดี แต่คะแนนอย่างนี้เราต้องทำให้ดีทุกยกอีกยาว การ์ดอย่าตก ถ้าการ์ดตกแม้แต่นิดเดียว บางประเทศน็อกไปแล้ว ตัวเลขพุ่งไปทะยานไปหลักพันและจะขึ้นเป็นหลักหมื่น เป็นบทเรียนของเรา" ส่วนยอดติดเชื้อสะสมของไทยอยู่ 2,839 ราย รักษาหาย 78 ราย รวม 2,430 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ. 359 ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสม 50 ราย ในขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก สหรัฐยังครองแชมป์ติดเชื้อมากที่สุดและเสียชีวิตมากที่สุดด้วย สำหรับไทยรั้งอันดับที่ 56 ก็ต้องร่วมมืออดทนกันสู้ต่อ เพื่อลดระดับไปอยู่ท้ายตาราง สู่เป้าหมายคือไม่ติดอันดับไหนเลย หรือไม่อยู่ในตารางนี้อีกต่อไป

                ๐... ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้วว่า พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่นายกฯ ประยุทธ์ประกาศใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้นั้น จะมีการขยายเวลาบังคับใช้ต่ออย่างแน่นอน หลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา "พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา" เลขาธิการ สมช. ให้เหตุผลชัดในมุมของหน่วยงานความมั่นคงว่า สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรจึงน่าจะต่ออายุออกไปอีก ก่อนจะเสนอความเห็นต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี "บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะในวันจันทร์ที่ 27 เม.ย. ซึ่งคงได้ข้อสรุปถึงระยะเวลาที่จะบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปถึงเมื่อไหร่ รวมถึงมาตรการเคอร์ฟิวในเวลา 22.00-04.00 น. ที่สำคัญมาตรการผ่อนปรนที่ทุกคนรอคอย ให้ประชาชนบางอาชีพบางสถานที่ได้ทำมาหากิน ก่อนชงเข้า ครม.ในวันอังคารที่ 28 เม.ย.

                ๐... ในเมื่อต้องสู้กันอีกหลายยก สิ่งที่รัฐบาลต้องเดินหน้าควบคู่กันไปคือการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู ระบบเศรษฐกิจของประเทศที่เสียหายทั้งระบบ ตั้งแต่ธุรกิจแสนล้านจนถึงธุรกิจรากหญ้าระดับบ้านๆ อย่างร้านตัดผม-ข้าวแกงริมทาง ที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าหลายล้านคน ผ่านหลายมาตรการของรัฐ และหนึ่งในนั้นก็คือการใช้มาตรการผ่าน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงินรวมไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ที่ประกาศใช้ไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกำลังถูกจับจ้องตาเป็นมัน ทั้งจากหน่วยงานรัฐต่างๆ ที่จะตั้งงบทำโครงการขอใช้เงินดังกล่าว ว่าจะขอกี่โครงการ เอาไปทำอะไรบ้าง ขณะที่หลายฝ่ายก็หวั่นเกรงจะเกิดช่องทางการทุจริตหากินกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทดังกล่าว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลต้องคุมเข้ม โดยเรื่องนี้มีความคืบหน้าออกมาเป็นระยะ ล่าสุดมีการประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทออกมาแล้ว ขณะเดียวกันตามขั้นตอนทางกฎหมาย การทำโครงการต่างๆ เพื่อนำเงินไปใช้ต้องมีคณะกรรมการชุดสำคัญในการกลั่นกรอง-ชงเรื่องให้มีการใช้เงิน จะมีด้วยกัน 7 คน ที่คุมเงิน 1 ล้านล้านบาทดังกล่าว ที่จะมี "ประสงค์ พูนธเนศ" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมีกรรมการจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), ผู้ว่าแบงก์ชาติ, ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, อธิบดีกรมบัญชีกลาง, ผอ.สำนักงบประมาณ และ ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ..เรียกได้ว่า เงินประเทศ 1 ล้านล้านบาท จะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์หรือจะเกิดการรั่วไหล ก็อยู่ที่อรหันต์เจ็ดคนนี้.

 

ลี้คิมฮวง

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"