เปิดสายตรงไทยนิยม "สายตรงลุงตู่" ผ่านโซเชียลมีเดีย-แอปพลิเคชัน พร้อมร่วมเฟซบุ๊กไลฟ์สดรับสายร้องเรียนจาก ปชช. ยันพร้อมตอบทุกคำถาม เอาจริงเรื่องทุจริต อ้างทุกอย่างมีมายาวนานตรวจพบในรัฐบาลนี้ ดักคอพวกบิดเบือนใส่ร้าย มท1.โบ้ยใส่ชาวบ้านเลือกผู้นำท้องถิ่นอย่างไรถึงเข้ามาโกง ป.ป.ท.สรุปผลตรวจโกงเงินคนจน 34 จว.งบเกิน 1 ล้าน พบเส้นทางเงินเชื่อมโยง "บิ๊ก พม." 3 ราย ขรก.อีก 1 จ่อส่ง ป.ป.ช.ฟัน
เมื่อวันอังคาร ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เยี่ยมชมการเปิดสายตรงไทยนิยม หรือ "สายตรงลุงตู่" ซึ่งเปิดใช้เป็นวันแรก ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชัน ที่ประกอบด้วย แอปพลิเคชัน police I lert U แจ้งเบาะแสเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), สายตรงศูนย์ดำรงธรรม 1567 ของกระทรวงมหาดไทย, ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ สายด่วน 1299 ของ คสช.
โดยเมื่อนายกฯ มาถึงบูธของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้กล่าวชื่นชมว่า ขอให้ทำให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่รายงานว่าขณะนี้เปิดให้บริการแล้วใน 36 จังหวัด และหลังเทศกาลสงกรานต์จะเปิดให้ครบทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด โดยนายกฯ กล่าวว่า ต้องมีการรวบรวมผลการปฏิบัติด้วย ทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ต้องสั่งให้หน่วยปฏิบัติรับทราบด้วยว่าต้องทำอย่างไร
จากนั้นนายกฯ มาที่บูธศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ สายด่วน 1299 ของคสช. ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ถึงวันที่ 26 มี.ค. มีร้องเรียนเข้ามาแล้ว 3,447 เรื่อง โดยร้องว่าภาครัฐให้ข้อมูลไม่เพียงพอ 875 เรื่อง และความประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ 622 ส่งเรื่องให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ตรวจสอบ 465 เรื่อง ตรวจสอบพบทุจริต 151 เรื่อง สอบแล้วไม่มีมูล 70 เรื่อง มีมูล 87 เรื่อง โดยมีทั้งดำเนินการทางวินัย อาญา และแพ่ง และอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนความเดือดร้อนของประชาชน ส่งให้ สปน.ดำเนินการ และส่งให้ กอ.รมน.ดูด้วย ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า พวกที่มูลความผิดต้องดำเนินการติดตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการเข้มงวดไป ต้องทำให้จริงจัง เพราะปัญหาซับซ้อนมีมานาน
เมื่อเดินมาถึงบูธศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สปน. นายกฯ ได้เฟซบุ๊กไลฟ์สดรับเรื่องร้องเรียนด้วยตัวเองจากชาวบ้าน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมเงินคนรู้จัก จำนวน 8 หมื่นบาท และถูกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยนายกฯ ได้สอบถามว่า ไปกู้จากใคร ซึ่งเรื่องนี้มีกฎหมายอยู่แล้ว จะเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินไม่ได้ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการอยู่ จะให้ลงไปประสานงานไกล่เกลี่ย เรื่องนี้อยู่ในวิสัยที่จะแก้ได้ ขณะนี้รับเรื่องไว้แล้ว และสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการทันที
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมบูธช่องทางสื่อสารรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของรัฐบาล พร้อมกล่าวว่า หากเป็นเรื่องทุจริตรัฐบาลนี้เข้ามาก็ตรวจสอบ มีการลงโทษ เพราะที่ผ่านมาเรื่องเหล่านี้มีการร้องเรียนแล้วไม่ค่อยได้รับความสนใจ รวมถึงเรื่องความเดือดร้อนทั้งหมดที่เราสามารถแก้ไขได้ทันที เพราะแก้ในระดับพื้นที่ ไม่ต้องรอข้างบนสั่งการ วันหน้าอยากให้เติมศูนย์ไทยนิยมกับในส่วนของตำรวจ 191 ที่มีการรับเรื่องร้องเรียนเหมือนกัน ถ้าต่อไปสามารถเชื่อมโยงกันได้ก็ดี ทำงานบูรณาการร่วมกันทั้งหมด
พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า สายตรงไทยนิยมวันนี้มีร้องเรียนอะไรเข้ามาแล้วบ้าง มีเรื่องประชาธิปไตย เรื่องเลือกตั้งมาหรือยัง อธิบายเขาได้หรือ แต่เป็นธรรมดา ปกติ เปิดอะไรมาใหม่ๆ จะเริ่มโจมตี เล่นงานนายกฯ ก่อน ต้องอดทนหน่อยนะ ตนพยายามทำเต็มที่ ช่องทางทั้งหมดก็อยากให้สื่อทำความเข้าใจด้วยว่าเราเปิดช่องทางเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนที่เดือดร้อน ไม่ใช่เปิดให้มาบิดเบือนว่าให้ร้ายกัน มันเสียเวลาเจ้าหน้าที่ อันนั้นไปทางอื่นไป ทางนี้เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ทุกช่องทาง ไม่อย่างนั้นมันอลหม่านไปหมด
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวกับประชาชนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ด้วยว่า สำหรับสายตรงไทยนิยมที่รัฐบาลเปิดขึ้นวันนี้ชื่อย่อง่ายๆ คือ สายตรงลุงตู่ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่ถึงนายกฯ เพราะนายกฯ จะตอบคำถามพูดคุยกับคณะทำงานที่สรุปขึ้นมา บางอันก็ตอบได้ทันที บางอันก็ต้องหาข้อมูล แต่รับว่าเราจะทำให้ดีที่สุดในทุกช่องทางที่มีเยอะแยะไปหมด นี่คือความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องการทุจริตอย่างเดียว ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ หากตรวจสอบกับศูนย์ดำรงธรรม 3.2 ล้านเรื่อง แก้ไป 98 เปอร์เซ็นต์ และเรื่องการทุจริตเมื่อมีข้อมูลมาต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน มีการสอบสวน ดำเนินการตามขั้นตอน หากผิดวินัยก็มีทั้งไล่ออก ปลดออก หรือย้าย ตนก็บอก 3 ปีไม่ให้ย้ายใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีมูลก็ไม่ถึงการปลดออก
"ขณะนี้ก็มีหลายกระทรวงด้วยกันที่ต้องเอาออกก่อน อยากจะเตือนข้าราชการผู้น้อยด้วยว่าต้องระวังในการทำงานรักษากฎระเบียบให้ดี ทักท้วงผู้บังคับบัญชาว่าอันไหนทำได้ อันไหนถูกผิด หากทำตามสิ่งที่ไม่ถูกจะเดือดร้อนไปทั้งหมด ผมห่วงผู้น้อยด้วย ไม่ใช่ไม่รักท่าน แต่กลายเป็นพอพันกัน เมื่อสอบสวนก็เดือดร้อนไปทั้งหมด และในส่วนของบางคนเอาออกแล้วมีคดีอาญา คดีแพ่ง ก็ต้องฟ้องกันต่อ รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ก็ขอให้ติดตาม อย่าไปหลงเชื่อคำบิดเบือนว่ามีมากในรัฐบาลนี้ เพราะทุกอย่างตรวจสอบแล้วยาวนานมาตลอด มาตรวจพบในรัฐบาลนี้เพราะเอาจริงเอาจัง และอยากให้ย้อนกลับไปดูคนพูดว่าช่วงที่ผ่านมาเขาได้ทำอะไรจริงจังแค่ไหน ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน สายตรงไทยนิยมขอให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.ตร.) ตรวจพบการฮั้วประมูลรถขยะ รถดูดโคลน ที่ขายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 33 แห่ง ว่าหากเป็นเรื่องเก่าที่มีมาก่อนหน้านี้จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันไม่ละเว้น อยากเรียนสังคมว่าหากตรวจเจอทุจริตมากและลงโทษได้ เราน่าจะดีใจว่าสามารถจับการคอร์รัปชันได้ เพราะเขาต้องรับโทษที่รุนแรง ทั้งทางอาญา แพ่ง และวินัย ถ้าไม่เจอเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มใจมากกว่า อยากให้รู้ว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป ใครทำต้องรับผิดชอบ ต่อไปขอให้เป็นบรรทัดฐาน ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ถ้าทุจริตวันหนึ่งจะต้องตรวจเจอจนได้ และมีผลต่อตนเองและครอบครัว
“ผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม ท้องถิ่นนั้นใครเป็นผู้เลือก ต้องไปถามประชาชน แล้วท่านเลือกมาได้อย่างไรเขาถึงเข้ามาโกง ท่านก็อย่าเลือกอย่างนั้นอีกก็แล้วกัน ถ้าจะสร้างประเทศให้เข้มแข็งจริงๆ ถ้าจะเลือกนักการเมือง ก็อย่าเลือกให้เขาเข้ามาโกงก็แล้วกัน” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ว่า ป.ป.ท.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้จ่ายเงินงบประมาณ 37 จังหวัดเป้าหมายเร่งด่วน ที่ได้รับงบประมาณเกิน 1 ล้านบาท รวมงบประมาณ 503,966,500 บาท ซึ่งพบความผิดปกติ 34 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ตราด อุดรธานี น่าน กระบี่ ตรัง สระแก้ว ร้อยเอ็ด พัทลุง ชุมพร ชัยภูมิ สุรินทร์ พิษณุโลก มหาสารคาม ลำพูน นครราชสีมา อำนาจเจริญ อ่างทอง ยโสธร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครพนม กาฬสินธุ์ ยะลา สมุทรสงคราม พิจิตร ราชบุรี และเลย ส่วนอีก 3 จังหวัด เช่น สิงห์บุรี ปราจีนบุรี นครศรีธรรมราช ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง โดยเจ้าหน้าที่จะลงตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพราะพบพฤติการณ์รูปแบบใหม่เปลี่ยนจากการให้เงินเป็นการมอบสิ่งของเครื่องใช้แทน
สำนักงาน ป.ป.ท.ยังได้ดำเนินการตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้พึ่ง จำนวน 39 จังหวัด งบประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งเสร็จสิ้นแล้ว 22 จังหวัด โดยยังเหลืออีก 17 จังหวัด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ล่าสุด ป.ป.ท.ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 56 จังหวัด ที่พบการทุจริตชัดเจน จากทั้งหมด 76 จังหวัด โดยหลังจากนี้เตรียมจัดส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ 96 ราย ให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พม.) ดำเนินการทางวินัย พร้อมส่งข้อมูลให้ สำนักงาน ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป นอกจากนี้ ยังมีหนังสือแจ้ง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้พิจารณาย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม 1 ราย ออกจากพื้นที่ เนื่องจากอาจเป็นอุปสรรคในการไต่สวนหรืออาจยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานกรณีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม
"ทั้งนี้ยังพบความเชื่อมโยงไปถึงผู้บริหารระดับสูงของ พม. จำนวน 3 ราย, ข้าราชการ พม. จำนวน 1 ราย และอดีตข้าราชการ พม. อีก 1 ราย รวม 5 ราย หลังมีหลักฐานการอนุมัติงบประมาณและเส้นทางการเงิน ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจ ป.ป.ท. โดยจะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป" พ.ท.กรทิพย์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |