ว่าด้วยความเป็นตัวตนของสังคมไทย


เพิ่มเพื่อน    

 

     คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...กิจกรรมที่ถูกหยิบมาพูดถึง กล่าวถึง จนกลายเป็นข่าวคราวทางสื่อต่างๆ กันเป็นจำนวนไม่น้อย ชนิดเรียกกันติดปากว่า โครงการข้าวชาวนาแลกปลาชาวเล โดยมี กองทัพอากาศ อาสาโดดเข้ามาเป็นตัวกลางนั้น ชั่งเป็นอะไรที่ทั้งเก๋ ทั้งเท่ แถมสอดคล้องกับยุคสมัย สอดคล้องกับการร่วมมือ ร่วมใจ ในการสู้ภัยวิกฤติ COVID-19 เอามากๆ...

                                                                    -------------------------------------------

            อย่างที่ ไทยโพสต์-แทบบลอยด์ ฉบับวันจันทร์ที่ผ่านมา...ได้เผยแพร่รายละเอียดไว้แล้วนั่นแหละว่า ด้วยเหตุเพราะ ชาวเลราไวย์ แห่งเกาะภูเก็ต เขาหาที่ขายปลาไม่ได้ เนื่องจากเจอกับพิษไวรัส  COVID-19 เล่นงาน จนต้องปิดบ้าน ปิดร้านค้า กันไปเป็นแถบๆ มูลนิธิชุมชนไทศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และผู้ว่าฯ ภูเก็ต ท่านเลยได้ไปประสานงานกับ เครือข่ายชาวนาภาคอีสาน สมาคมชาวยโสธร ก่อรูป ก่อร่างโครงการ ที่จะให้บรรดาชาวเลแปรรูปปลาทูแดง ปลาทูแขก ปลาข้างเหลือง ให้เป็นปลาแห้ง ปลาเค็ม เพื่อเอาไปแลกกับข้าวสารของชาวนายโสธร โดยมีกองทัพอากาศอาสาเข้ามาเป็น ตัวกลาง ไม่ใช่ พ่อค้าคนกลาง หรือเป็นผู้จัดเครื่องบิน ซี-130 บรรทุกข้าวของชาวนาไปส่งให้ชาวเล และบรรทุกปลาแห้ง ปลาเค็มของชาวเล มาส่งให้กับชาวนายโสธร โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ เอาเลยแม้แต่บาทเดียว...

                                                                  ------------------------------------------

            เหมือนอย่างที่พลอากาศโท ตรีพล อ่องไพฑูรย์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ท่านได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้แล้วนั่นแหละว่า หลังจากกองทัพอากาศได้รับการร้องขอจาก มูลนิธิชุมชนไทฯ และผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ท่านได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชุมชน ที่ไม่เพียงไม่ได้คิดจะเอากำไร ค้ากำไรใดๆ ยังถือเป็น โครงการที่ช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม อันจะนำไปสู่ความปรองดองและความสมานฉันท์ของผู้คนในชาติ ซะอีกด้วย กองทัพอากาศก็เลย จัดให้ อย่างไม่คิดเสียดม เสียดาย งบประมาณ กำลังคน กำลังพล เอาเลยแม้แต่น้อย จัดแจงขนข้าวหอมมะลิ จำนวน 9 ตัน หรือ 9,000 กิโลกรัม ที่ชาวนายโสธรแถมให้ หรือบริจาคให้อีก 2 ตัน ไปมอบให้กับบรรดาชาวเล ทั้งในเกาะภูเก็ต พังงา กระบี่  ระนอง และสตูล ไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์ ก่อนที่จะขนปลาเค็ม ปลาแห้ง ของชาวเลประมาณ 1,000  กิโลกรัม มามอบให้กับชาวนายโสธรกันถึงที่ ส่งผลให้ไม่ว่า ชาวนา หรือ ชาวเล ต่างแฮปปี้ไปด้วยกันทุกฝ่าย...

                                                                      ----------------------------------------------

            คือแม้ว่าโครงการที่ว่านี้...จะเป็นเพียงแค่ โครงการนำร่อง แต่ต้องถือเป็นตัวสะท้อน เป็นตัวขับเน้น อะไรต่อมิอะไรได้เยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะในสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย หรือ ความเป็นตัวตนของสังคมไทย นั่นแหละ ให้เกิดความเด่นชัด หรือคม-ชัด-ลึก ยิ่งขึ้นไปอีก ถึงความมีมิตรจิต-มิตรใจ ความมีน้ำใจ-ไมตรี ซึ่งกันและกัน เพราะไม่เพียงแต่การแลกปลา แลกข้าว ระหว่าง ชาวเล กับ ชาวนา เท่านั้น บางโครงการยังไม่ต้องเอาอะไรมาแลก เอาเลยก็ยังได้ เช่นโครงการที่ มูลนิธิอันดามัน และ ชมรมชาวประมงพื้นบ้าน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ชาวประมงพื้นบ้านเกาะลิบง กลุ่ม บ้านมั่นคงมดตะนอย ฯลฯ ที่ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของบรรดา ชาวสลัม ที่อาศัยอยู่ริมทางรถไฟ ตำบลทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง ก็เลยรวบรวมเอาอาหารทะเล ไม่ว่าปู ปลาทู ปลาเค็ม ฯลฯ มามอบให้กับ มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย หรือเครือข่ายชาวสลัม 4 ภาค เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับบรรดาชาวสลัมทั้งหลาย ที่กำลังตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่สามารถรับจ้างก่อสร้าง หรือกรีดยาง ต่อไปอีกได้...

                                                                         -----------------------------------------------

            อันนี้...ต้องเรียกว่า ถือเป็นการ นำร่อง ก่อนหน้าที่บรรดาอภิมหาเศรษฐี 20 ราย จะเริ่มประดิษฐ์ คิดค้น อะไรต่อมิอะไรมานำเสนอ หรือมาร่วมฝ่าวิกฤติ COVID-19 กับรัฐบาล หรือกับบรรดาคนไทยทั้งหลาย เอาเลยก็ว่าได้ ชนิดอาจถือเป็นแบบอย่าง แนวทาง ในการหันมาเล่นบทเป็น อนาถบิณฑิกเศรษฐียุคใหม่ ได้เป็นอย่างดี คือถ้าบรรดาอภิมหาเศรษฐี 20 ทั้งราย ท่านมีน้ำจิต น้ำใจ มีหัวจิต หัวใจ ไม่ได้ต่างอะไรไปจากบรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง ประเภทชาวนา ชาวเล ทั้งหลาย โอกาสที่ประเทศไทยทั้งประเทศ จะสามารถยืนหยัดสู้กับเชื้อ COVID-19 และผลกระทบที่กำลังตามมาหลังจากนั้น ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะมหาเศรษฐีบางราย ท่านก็แสดงท่าทีออกมาบ้างแล้วว่า พร้อมจะเป็น อนาถบิณฑิกเศรษฐียุคใหม่ แบบจริงๆ จังๆ พร้อมที่จะร่วมสู้ ร่วมแก้ปัญหา ไม่ว่าทั้งระยะสั้น ระยาว เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                                         --------------------------------------------------

            บรรดาข่าวคราวทำนองนี้นี่เอง...ไม่เพียงช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดูดี ดูเก๋ ดูเท่ เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความหวัง พลังใจ เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ในการยืนหยัดต่อสู้กับ วิกฤติ ใดๆ ก็ตาม ซึ่งกำลังสาดซัดเข้ามาสู่สังคมไทยอย่างเป็นระลอก แม้ว่าโดยสภาพแวดล้อม โดยอุณหภูมิอากาศ มันจะร้อนขึ้นๆ อันเป็นตัวสร้างความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความรำคาญ จนอาจยกระดับ พัฒนา กลายเป็นความโกรธ ความเกลียด เคียดแค้น อาฆาต ริษยาและชิงชัง ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ถ้าบรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง ชาวนา ชาวเล ปุถุชนคนธรรมดา ไปยันเศรษฐี ยาจก ฯลฯ ยังคงมี น้ำใจ-ไมตรี ระหว่างกันและกัน อะไรที่มันทำท่าว่าจะร้อนๆ...ก็น่าจะพอเย็นๆ ลงมาได้มั่ง ยิ่งถ้าเมื่อไหร่เกิดโครงการนำร่องประเภท แลกโบนัสการไฟฟ้ากับเสียงสรรเสริญยกย่อง โดยมีรัฐบาลโดดเข้ามาเป็นตัวกลางด้วยแล้ว  รับรองว่า...พอได้เย็นเฉียบ เย็นสนิท โดยไม่ต้องเสียเวลาหรี่แอร์ เอาเลยก็ว่าได้...

                                                                        ---------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Kahlil Gibran...It is well to give when asked, but it is better to  give unasked, through understanding. - การให้เมื่อรับการขอร้องนั้นดี แต่การให้โดยความเข้าใจและไม่ได้รับการร้องขอ ย่อมดีกว่า...”

                                                                        ----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"