สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ยังคงเป็นประเด็น “ทอล์กออฟเดอะเวิลด์” อยู่ต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดก็ทะลุ 2.5 ล้านราย ในขณะที่ผู้เสียชีวิตก็ไปไกลในระดับเกินกว่า 1.7 แสนรายไปแล้ว แต่ดูเหมือน “พี่ไทย” กลับต้องบอกว่าสวนกระแสโลกเสียจริงๆ เพราะล่าสุดตัวเลขที่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 15 ราย ซึ่ง เป็นตัวเลข 2 หลัก 3 วันติดจาก 25 รายเมื่อวันจันทร์ 19 รายเมื่อวันอังคาร และ 15 รายในวันพุธ ที่สำคัญยังมีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มเติมอีก 244 รายด้วย...๐ แม้ตัวเลขของ “ไทยแลนด์โอนลี” จะต่ำลงเรื่อยๆ แต่ “หมอทวีศิลป์” ก็ตอกย้ำว่า “การ์ดยังห้ามตก” เพราะดูตัวอย่าง “สิงคโปร์” ที่คลายล็อกวันเดียวก็มีผู้ป่วยรายใหม่ถึง 1,111 รายทีเดียว ซึ่งของ พี่ไทยก็น่ากลัวเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าในหลายเคสนั้นมีการปกปิดความจริง จึงทำให้ “บุคลากรทางการแพทย์” ของไทยติดเชื้อจำนวนมาก เช่นกัน ซึ่งหากมีการคลายล็อกจริงๆ เชื่อว่าแรงเก็บกดที่อัดอั้นในช่วงเคอร์ฟิวที่ผ่านมาก็ฟันธงได้ทันทีว่า ความดีและความร่วมมือของคนไทยที่ผ่านมาก็ต้องสลายกลายเป็นฝุ่นแน่ และก็ต้องกลับมาอยู่ในภาวะตัวเลขผู้ติดเชื้อในระดับ 3 หลัก หรือเผลอๆ อาจจะถึงระดับพันเหมือนเพื่อนร่วมอาเซียนก็เป็นได้ เพราะเรื่องนี้มันเข้ากับสุภาษิตที่ว่า “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” นะจ๊ะ...๐

แม้คณะรัฐมนตรีของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการปรับเกณฑ์การเยียวยา 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน จาก 9 ล้านคนไปเป็น 14 ล้านคน แล้วก็ตาม แต่ยังมีเสียงวิจารณ์และเสียงเรียกร้องจำนวนมากว่าทั้งหลายทั้งมวลนั้นทำไมไม่มี “มนุษย์เงินเดือน” แต่ประการใดเลย ทั้งที่เป็นผู้จ่ายภาษีให้รัฐด้วยซ้ำไป แม้จะมองว่า “มนุษย์เงินเดือน” มีประกันสังคมดูแลก็ตามที แต่อย่าลืมว่านั่นต้องเป็นกรณีถูกลดเงินเดือนหรือถูกพักงาน ซึ่งในความเป็นจริงก็มีหลายส่วนที่ไม่ได้ถูกลดหรือถูกพักงาน แต่อัตราเงินเดือนก็ไม่ได้สูงมากนัก ซ้ำร้ายในภาวะเคอร์ฟิวที่ทำให้ต้องแบกภาระค่าโดยสาร เพราะไม่มีรถส่วนตัว ต้องพึ่ง “แท็กซี่” อย่างเดียว แต่กลับไม่ได้การเยียวหรือดูแลแต่ประการใด อย่างนี้จะเรียกว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร...๐

แล้ว ยิ่งมาตรการของบรรดาธนาคารพาณิชย์ที่คลอดออกมาเรื่องพักเงินต้น และดอกเบี้ย 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้างนั้น ก็ยิ่งทำให้มนุษย์เงินเดือนถึงกับกระอักเข้าไปอีกในความเป็นจริง เพราะมัน แค่ “พัก” แต่ไม่ได้หยุดคิด “ดอกเบี้ย” แต่ประการใด ยิ่งทอดเวลาไปเท่าใดก็ยิ่งทำให้ “ดอกเบี้ย” สุมขึ้นไปเรื่อยๆ มากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ “เอสเอ็มอี” กลับมีสินเชื่อซอฟต์โลนถึง 5 แสนล้านบาท และกองทุนตราสารหนี้ก็มีกองทุน 4 แสนล้านบาทคอยดูแล จึงไม่น่าแปลกที่ใครต่อใคร โดยเฉพาะฝ่ายค้านต่างมองว่าเป็นการ “อุ้มคนรวย ทำร้ายคนทำงาน” อย่างแท้จริง...๐ งานนี้หลัง “โควิด-19” สร่างซาลง “พล.อ.ประยุทธ์” อาจต้องมีการพิจารณาในเรื่องเก้าอี้ของรัฐมนตรี และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นการดี เพราะขนาด “ผู้ว่าฯ ภูเก็ต-ผู้ว่าฯ เพชรบุรี” ยังมีการย้ายเซ่นตัวเลขผู้ติดเชื้อได้เลย แล้วทำไม “รัฐมนตรีคลัง” และ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ซึ่งถูกตั้งคำถามและวิจารณ์นโยบายที่ออกมาในด้านลบมากกว่าด้านบวกจะถูกเด้งบ้างไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ “ลุงตู่” จะกล้าทำหรือไม่อย่างไร...๐

ดูเหมือนช่วงนี้พลพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” เริ่มขยันแสดงความคิดเห็นกันเหลือเกิน แต่ กลับไม่มีความเป็น “เอกเทศ” แต่ประการใดเลย อย่าง “วัฒนา เมืองสุข” ก็ชงเสนอจ่ายยกครัวละหมื่นบาทบ้าง ส่วน “อนุสรณ์” รายวันก็ยกเคสต่างชาติหวังให้ไทยเลียนแบบ แต่ล่าสุดก็มีการขุดเรื่องเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญขึ้นมาอีกระลอกแล้ว โดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) บอกว่า “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านที่คนจำได้น้อยที่สุด จะนัดพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรคหารือและร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขโควิด-19 รวมทั้งตรวจสอบพระราชกำหนด 3 ฉบับที่ได้ประกาศใช้ในวันที่ 23 เม.ย....๐ 

แหม! เข้าใจว่าทั่นผู้แทนราษฎรทั้งหลายอยากมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาของชาติ แต่ในภาวะเช่นนี้ควรทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างดีหรือไม่ อย่างไรที่จะไม่มาร่วมตัวกัน แล้วอย่ามาอ้างหรือเทียบเคียงการประชุม ครม. เพราะมันเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากตัวเลข “หลักสิบ” กับ “หลักร้อย” แบบยังไม่นับรวมข้าราชการที่เกี่ยวข้องที่จะเพิ่มเข้าไปอีก ถ้าอยากจะช่วยชาติ ช่วยประชาชนตามปากจริงๆ ก็ประกาศไม่รับเงินเดือนทั่นผู้ทรงเกียรติเป็นเวลา 3-6 เดือนกันเลยดีไหม แล้ว บรรดาทรัพย์สินต่างๆ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.หลายสิบหลายร้อยหลายพันล้าน ถ้ากรุณาตัดเฉือนมาบ้างก็น่าจะดี แต่จะกล้าทำหรือไม่จ๊ะทั่นผู้ทรงเกียรติ...๐.

...ท.ศักดิ์