20 เม.ย. 63 - เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล โพสต์เสนอมาตรการให้รัฐบาลดูแลปากท้องประชาชนแบบถ้วนหน้า ทั่วถึง ทันการณ์ และไม่มีดราม่า โดยเนื้อหาระบุว่า สู้โควิดยังพอไหว แต่ประชาชนอาจจะตายเพราะพิษเศรษฐกิจ วิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้เป็นวิกฤตคู่ขนาน ทั้งวิกฤตด้านสาธารณสุขคู่กับด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าปัจจุบันด้านสาธารณสุขที่เรากำลังต่อสู้กับโรคระบาด สถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่รับมือได้ แต่ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤตหนักหนาสาหัสกันถ้วนหน้า เนื่องจากมาตรการการป้องกันการระบาดของโรคนำไปสู่การปิดสถานประกอบการ ปิดตลาด จำกัดการเดินทาง มาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบยังไม่ทั่วถึงและทันการณ์
การที่รัฐขาดข้อมูลด้านอาชีพของประชาชนทำให้ต้องสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมามากมายเพื่อ “คัดคนออก” ซึ่งนอกจากจะชักช้าแล้ว ยังทำให้ประชาชนที่เดือดร้อนตกหล่นไม่ได้รับความช่วยเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ขยายเป็นวงกว้างกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องเข้ามาประคับประคองให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้ภายใต้วิกฤตนี้ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามมา พรรคก้าวไกลจึงมีข้อเสนอดังต่อไปนี้
- ขอให้รัฐบาลเปลี่ยนฐานคิดใหม่ จากเดิมที่คิดว่าตนเป็นเจ้าของงบประมาณและกำลังเจียดงบนั้นเพื่อบริจาคสงเคราะห์ให้แก่ประชาชน ให้เปลี่ยนเป็นรัฐบาลเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนให้มาทำหน้าที่ในการจัดสรรงบประมาณที่เป็นของประชาชน เพื่อประกันความมั่นคงในชีวิตของประชาชนทุกคน
- ในระยะแรกนี้ ขอให้รัฐบาลยกเลิกกระบวนการพิสูจน์ความทุกข์ยากของประชาชน ยกเลิกเกณฑ์อาชีพที่รังแต่จะทำให้เกิดความล่าช้า เพื่อให้แรงงานนอกระบบได้รับเงินโดยถ้วนหน้า ซึ่งรวมถึงนักศึกษาที่จำนวนมากต้องหาเลี้ยงตนเองและจุนเจือครอบครัว
หากรัฐบาลเยียวยาแรงงานนอกระบบรายละ 5,000 บาท จำนวน 14.5 ล้านคน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ก็จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 217,500 ล้านบาทในระยะแรก ควบคู่ไปกับเร่งรัดมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ได้เตรียมไว้ นอกจากนี้รัฐบาลควรมีมาตรการรักษาระดับการจ้างงานเอาไว้ ไม่ให้ภากเอกชนต้องปิดกิจการ ด้วยการสมทบค่าจ้าง 50% แต่ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับแรงงานในระบบที่ถูกลดเงินเดือน ลดวันทำงาน
- ในระหว่างระยะแรก รัฐบาลควรต้องเริ่มผ่อนคลายอย่างเหมาะสมเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเริ่มกลับมาทำงาน ประชาชนลืมตาอ้าปากได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านระยะแรกไปแล้ว รัฐบาลยังควรประคับประคองชีวิตประชาชนอย่างถ้วนหน้าต่อในระยะที่สอง โดยการช่วยเหลือประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รายละ 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน และช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี อีก 1,000 บาทต่อเด็ก 1 คน ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณราว 504,000 ล้านบาท
สำหรับมาตรการระยะที่สอง รัฐควรถือโอกาสนี้พัฒนาฐานข้อมูลอาชีพของประชากรไทย เพื่อสามารถตอบโจทย์การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ตรงจุดได้ดีขึ้นในอนาคต
ในส่วนของฐานะทางการคลัง การเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนทั้ง 2 ระยะที่พรรคก้าวไกลนำเสนอยังอยู่ในวิสัยที่สามารถจัดสรรได้จากเม็ดเงินจากกู้ 1 ล้านล้านบาท
โดยในส่วนมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลกำหนดวงเงินไว้ 400,000 ล้านบาทนั้น ยังสามารถออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อีกหลังจากนี้จากการประมาณการของพรรคก้าวไกลพบว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP และสัดส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณ ยังคงอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง เพียงแต่รัฐบาลต้องไม่ประเมินผลกระทบของประชาชนต่ำกว่าสถานการณ์ที่เป็นจริงและต้องจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่งด่วนให้ถูกต้อง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |