19 เม.ย. 63 - ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ยังคงจัดในรูปแบบสตูดิโอและงดกิจกรรมร้องรำทำเพลง มีเพียงการสื่อสารของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการตอนหนึ่งว่า ไม่เชื่อ ประเทศไทยมีรัฐบาลขอทาน นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ จะทำจดหมายเปิดผนึกถึงเจ้าสัวลำดับที่ 1 ถึง 20 ของประเทศไทย จนกระทั่งมีแฮชแท็กติดในทวิตเตอร์ ว่ารัฐบาลขอทาน ซึ่งตนไม่เชื่อ บรรยากาศของประเทศไทยเหมือนอยู่ในสภาพของสงคราม เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง ประชาชนคนไทยต้องไปต่อแถวเพื่อรับเงิน รับของบริจาค ข้าวสารอาหารกล่อง ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่า สภาพการณ์ของประเทศไทยเราเดินมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ทั้งที่งบประมาณแผ่นดินของประเทศไทยปี 2563 มีมูลค่าทั้งสิ้น 3.2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์นั้นไม่มีข้อความใด ที่ไปขอสตางค์จากบรรดาเจ้าสัว แต่ภาพมันฟ้อง ว่าบริหารจัดการจนประชาชนอดอยากเข้าแถวรับของบริจาคแทบจะเหยียบกันตายโดยไม่คำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพราะคนกลัวอดตายมากกว่ากลัวโควิด 19 ซึ่งตอนเเรกคนก็กลัว แต่ตอนนี้กลัวจนกล้า มีการฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวัน ขณะเดียวกันประสิทธิภาพของผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการแจกเงินเยียวยา ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยอธิบายไว้ว่า ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บอกว่า มีเงินเยียวยาแค่เดือนเดียวเท่านั้น ต่อมาก็แก้ข่าวว่า แจกได้ 3 เดือน อยากถามพลเอกประยุทธ์ว่า ในขณะนั้นเอาข้อมูลที่ไหนมาแถลงข่าวว่ามีเงินเยียวยาเพียงเดือนเดียว จนกระทั่งต้องไปตราพระราชกำหนดกู้เงิน 1จุดล้านล้านบาท แต่ทุกมาตรการเป็นไปด้วยความล่าช้า ตอนกู้เงินเร็วเสมือนกับกระต่าย แต่พอเยียวยาช้ากว่าเต่าขาขาด
และขอให้พอเสียทีกับการออกมาพูดแบบไม่รับผิดชอบ โดยเฉพาะการใช้เอไอ คัดกรองประชาชนกว่า 27 ล้านคน ปรากฏว่าเห็นหน้าคนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรกับนักศึกษาแทบทั้งหมด ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปเยียวยาคนที่เป็นเกษตรกร เมื่อคนที่ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง แต่เอไอ บอกว่าเป็นเกษตรกร คนเหล่านี้จะโดนข้อหาแจ้งความเท็จหรือไม่ หรือเอไอ เฟกนิวส์ นี่เป็นความเหลวแหลก อย่างไรก็ดีควรไปลดภาระเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟ ปรากฏว่าค่าไฟเดือนนี้แพงแทบทุกบ้าน
เมื่อแสดงเจตนาว่าจะคุยกับบรรดาเจ้าสัวทั้ง 20 คนซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่กลุ่มทุนประชารัฐอยู่แล้ว ได้ประโยชน์จากสัมปทานผูกขาด ได้ประโยชน์กับการเลือกมาตรการ มีอำนาจเหนือการตลาดจากการเปิดช่องว่างให้ ดังนั้น การที่ไปทำจดหมายเปิดผนึกถึงบรรดาเจ้าสัวนั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าการขอสตางค์ คือ ผลประโยชน์ทับซ้อน ประเทศไทยคนไทยจะต้องเสียอะไร เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มีข่าวออกมาว่า จะเปิดให้บริการวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ถามว่ารู้ได้อย่างไร
นายจตุพร กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลชุดนี้พังเพราะเรื่องการแจกเงิน โลกต้องจดจำเพราะสุดท้ายแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ควรระดมความคิดเห็นจากคนทั้งชาติ ไม่ใช่มาเน้นการรับข้อเสนอและจาก 20 เจ้าสัว วันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในการบริหารประเทศ คือศักยภาพ ตามด้วยคำว่าประสิทธิภาพ และความโปร่งใส เเม้ว่าวันนี้จะยึดอำนาจจากบรรดานักการเมืองส่วนใหญ่มาใช้ข้าราชการประจำ แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้น เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาความอดอยากได้ ในทางการแพทย์ก็สามารถควบคุมได้ ทุกคนในประเทศมีหน้ากากอนามัยใช้หากรัฐบาล ยังไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องการแจกเงินและปล่อยให้คนอดอยาก ก็ควรยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเสียให้ประเทศเดินต่อไป
วันนี้ประเทศไทยเราต่างฝ่ายต่างได้ให้ความร่วมมือ กับรัฐบาลและให้โอกาสมาค่อนข้างมาก ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ไป ก็ถือว่าเป็นคำเตือนที่ไม่ได้มาจากตน หากประชาชนกลัวอดตายชนิดที่ทนกันไม่ได้ ไม่กลัวโควิด 19 กันอีกต่อไป และสภาพการเหมือนวันนั้นไม่มีใครกลัวใครกันอีกแล้ว มองว่าเรื่องเหล่านี้น่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลชุดนี้มีโอกาสมากที่สุด แต่กลับไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้นคือความทุกข์ของคนไทย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |