ร้อยเอกทอม มัวร์ ทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 วัย 99 ปี ซึ่งเดินรอบสวนหลังบ้าน 100 รอบระดมทุนช่วยระบบสาธารณสุขอังกฤษได้มากกว่า 25 ล้านปอนด์ (กว่า 1,000 ล้านบาท) ได้รับเชิญเป็นแขกเกียรติยศในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่สัปดาห์นี้

    ร้อยเอกทอม มัวร์ ซึ่งจะอายุครบ 100 ปีในวันที่ 30 เมษายนที่จะถึงนี้ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเดินรอบสวนหลังบ้านของเขาในเมืองเบดฟอร์ดไชร์ ระยะทาง 25 เมตร ครบ 100 รอบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อระดมเงินบริจาคให้ได้ 1,000 ปอนด์ (40,700 บาท) มอบให้ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) โดยถึงวันอาทิตย์ มีผู้คนร่วมบริจาคแล้วมากกว่า 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,018 ล้านบาท)

    ทหารผ่านศึกที่เคยรบในอินเดีย, พม่า และสุมาตราสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้นี้ ต้องใช้เครื่องช่วยเดินแบบติดล้อ หลังจากหกล้มสะโพกหัก เขาบอกว่า ตัดสินใจเดินระดมทุนช่วยเอ็นเอชเอสเนื่องจากได้แรงบันดาลใจที่เอ็นเอชเอสดูแลเขาอย่างดีช่วงที่ผ่าตัดสะโพกและช่วงที่รักษามะเร็ง

    รายงานรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563 กล่าวว่า ร้อยเอกมัวร์ได้รับเชิญให้เป็นแขกเกียรติยศในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนาม "ไนติงเกล" ที่เมืองแฮร์โรเกต ทางเหนือของอังกฤษ โดยเขาจะกล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ยกย่องการทำงานของเอ็นเอชเอส มัวร์บอกว่า เขาถือเป็นเกียรติที่ได้ทำพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามที่ใช้รองรับสถานการณ์โควิด-19 และได้มีโอกาสขอบคุณเอ็นเอชเอสโดยตรง

    "ผมยังคงประหลาดใจกับความเมตตาและความมีน้ำใจจากประชาชนชาวอังกฤษ ที่ยังคงให้แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีความแน่นอนสำหรับคนจำนวนมาก" มัวร์กล่าวในแถลงการณ์ "ผมคิดว่า เงินบริจาคจำนวนมากนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกคนให้คุณค่ากับการอุทิศตนและความเสียสละของบุคลากรเอ็นเอชเอสเพียงใด ผมเคยสู้รบระหว่างสงคราม และตอนนี้พวกเขาก็กำลังสู้รบในสงครามด้วยเช่นกัน"

    เรื่องราวของร้อยเอกมัวร์สร้างกำลังใจให้คนจำนวนมาก เขาได้รับการเสนอชื่อเป็น "บุคคลกีฬาแห่งปี" ของอังกฤษ นักการเมือง, นักกีฬาและคนดังจำนวนมากยกย่องว่าเขาเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ แม้แต่เจ้าวิลเลียมยังตรัสชื่นชมว่าเขาเป็นตำนานอย่างแท้จริง

    ด้านไซมอน สตีเวน ผู้บริหารเอ็นเอชเอส กล่าวขอบคุณร้อยเอกทอมและประชาชนที่ช่วยกันสนับสนุนหน่วยงานนี้ และว่า การเชิญร้อยเอกทอมเป็นแขกเกียรติยศในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามไนติงเกลเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้ สำหรับการสร้างแรงบันดาลใจและการเป็นแบบอย่าง และไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะมีวิธีอื่นๆ อีกนับจากนี้ที่เราจะแสดงความรู้สึกซาบซึ้งของเรา.