ได้ทรัมป์ให้ท้าย ชาวอเมริกันชุมนุมประท้วงในหลายรัฐทัวประเทศเมื่อวันเสาร์ กดดันให้รัฐบาลท้องถิ่นยุติการชัตดาวน์เศรษฐกิจและบังคับประชาชนอยู่บ้าน อีกด้าน "โดนัลด์ ทรัมป์" กลัวมาตรการบังคับใช้ไม่ทั่วถึง เรียกร้องชาวมุสลิมเว้นระยะห่างทางสังคมช่วงรอมฎอนแบบเดียวกับที่ชาวคริสต์ปฏิบัติช่วงอีสเตอร์
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563 กล่าวว่า วันเสาร์ที่ผ่านมามีชาวอเมริกันหลายพันคนในหลายมลรัฐชุมนุมประท้วงตามเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐเพื่อคัดค้านมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ผู้คนกว่าครึ่งประเทศต้องอยู่กับบ้าน ผู้ชุมนุมเหล่านี้ได้แรงหนุนส่งจากทวีตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ ที่เรียกร้องให้ "ปลดปล่อย" รัฐมิชิแกน, มินนิโซตา และเวอร์จิเนีย ซึ่งล้วนมีผู้ว่าการรัฐเป็นเดโมแครต จากคำสั่งบังคับให้คนอยู่บ้าน
ที่เมืองคองคอร์ด รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งผู้ว่าการรัฐเป็นรีพับลิกัน ผู้ประท้วงราว 400 คนชุมนุมกันท่ามกลางสายฝนหน้าที่ทำการรัฐบาล บ้างอยู่ในรถ บ้างลงมาชุมนุมข้างนอก หลายคนถืออาวุธปืนสวมชุดคล้ายเครื่องแบบทหารและปิดบังใบหน้า โบกธงชาติและชูป้ายข้อความเช่น "ตัวเลขโกหก", "เปิดนิวแฮมป์เชียร์ใหม่" และ "อยู่อย่างเสรี หรือไม่ก็ตาย" เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการกักกันก่อนถึงกำหนดวัน 4 พฤษภาคม
รัฐเทกซัส มีผู้ประท้วงมากกว่า 250 คนชุมนุมด้านนอกอาคารรัฐสภาของรัฐในเมืองออสติน หนึ่งในนี้คืออเล็กซ์ โจนส์ นักทฤษฎีสมคบคิดผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อินโฟวอร์ส ผู้ประท้วงกล่าวกันว่าถึงเวลาที่ต้องเปิดเทกซัสอีกครั้ง ให้ผู้คนได้กลับไปทำงาน
เมืองแอนนาโปลิส รัฐแมริแลนด์ ผู้ประท้วงพากันชูป้ายข้อความเช่น "ความจนก็ฆ่าคนเหมือนกัน" นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมืองที่คนอเมริกันออกมาประท้วงกัน เช่นที่ เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ และซานดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และที่รัฐอินดีแอนา, เนวาดา และวิสคอนซิน โดยมีผู้ชุมนุมไม่กี่คนที่ยังปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
การประท้วงกฎบังคับให้คนอยู่บ้านที่มีผู้ชุมนุมมากที่สุดคือที่เมืองแลนซิง รัฐมิชิแกน เมื่อวันพุธที่แล้ว ซึ่งมีคนเข้าร่วมราว 3,000 คน ซึ่งเป็นการจัดโดยกลุ่มอนุรักษนิยมที่เป็นพันธมิตรกับพรรครีพับลิกัน
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก ถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วเกือบ 739,000 ราย เสียชีวิตเกิน 39,000 ราย ผลสำรวจของศูนย์วิจัยพิวเมื่อไม่กี่วันก่อนชี้ว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ ราว 2 ต่อ 1 วิตกเรื่องการยกเลิกมาตรการเร็วเกินไป
รอยเตอร์รายงานว่า แบบจำลองของมหาวิทยาลัยวอชิงตันที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์กล่าวว่า การปฏิบัติตามคำสั่งอยู่บ้านอย่างเคร่งครัดใน 42 มลรัฐ จาก 50 มลรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดคาดการณ์ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสหรัฐลง โดยแบบจำลองทำนายว่าสหรัฐจะมีผู้เสียชีวิต 60,308 คนภายในวันที่ 4 สิงหาคม ลดลง 12% จากคาดการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว และยังทำนายด้วยว่า บางรัฐอาจเริ่มผ่อนคลายมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม
ในการแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ประจำวันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตั้งคำถามถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังจากเขารีทวีตข้อความของนักวิเคราะห์หัวอนุรักษนิยมรายหนึ่งที่ตั้งคำถามว่า ชาวมุสลิมจะถูกบังคับให้ทำตามมาตรการนี้อย่างเข้มงวดแบบเดียวกับที่ชาวคริสต์โดนช่วงอีสเตอร์หรือไม่ โดยทรัมป์บอกว่า เขาหวังว่าชาวมุสลิมจะรักษามาตรฐานการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงรอมฎอนด้วย แต่ทรัมป์ไม่วายเหน็บแนมว่า ประเทศนี้มีการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างมาก พวกเขาตามล่าโบสถ์คริสต์ แต่ไม่ค่อยตามล่ามัสยิด
คริสตจักรส่วนใหญ่ในสหรัฐปฏิบัติตามคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังมีบางโบสถ์ที่ฝ่าฝืน ราว 1 สัปดาห์ก่อนศาสนาจารย์คนหนึ่งในรัฐเวอร์จิเนียเสียชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด-19 หลังจากดื้อดึงทำพิธีตามปกติ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |