ศบค.เผยพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 33 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ภาพรวมหายป่วยแล้ว 1,787 คน "นพ.ทวีศิลป์" ยอมรับตกใจ! เห็นประชาชนจำนวนมากไปต่อแถวรับของยังชีพที่บริเวณหน้าวัดดอนเมือง เตือนมีความเสี่ยงกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ นับจากนี้ไป 14 วันต้องเฝ้าระวังตัวเองอย่างดี เตือนผู้มีใจกุศลใจบุญต้องมีระบบที่ดีด้วย
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 33 ราย หายป่วยแล้ว 1,787 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,733 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 899 ราย และเสียชีวิตวันนี้ศูนย์ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 47 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบสูงสุด 20-29 ปี และช่วงอายุ 30-39 ปี ซึ่ง 2 ช่วงอายุสลับกันขึ้น ขอให้คนในครอบครัวช่วยกันดูแลคนกลุ่มนี้ให้ดี เพราะเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อสูงสุด และเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต
โฆษก ศบค.กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมยังพบว่ากรุงเทพฯ และนนทบุรียังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะสถาบันบำราศนราดูรอยู่ใน จ.นนทบุรี ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในจังหวัดมีตัวเลขสูงขึ้น จะว่าเขาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องไม่ว่ากัน เพราะตัวเลขดังกล่าวเป็นสถิติที่เอาไว้สอนใจ เตือนใจว่าเราจะหาทางแก้ไขอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะที่จังหวัดไม่พบผู้ป่วยเพิ่มใน 14 วันที่ผ่านมา โดยมีระยองและตากเพิ่มเข้ามาด้วย รวมแล้ว 29 จังหวัด
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์อัตราการเสียชีวิตของประเทศไทยจำนวน 47 ราย ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-17 เม.ย. อัตราการป่วยและเสียชีวิตอยู่ที่ 1.7% ถือว่าต่ำกว่าประเทศอื่นๆ แสดงถึงศักยภาพทางการแพทย์สาธารณสุขของเรา ทั้งนี้ กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุดคือ อายุ 50-59 ปี จำนวน 14 ราย จากผู้ป่วย 367 ราย นับเป็น 29.8 % ถือว่าหนักที่สุด ขณะที่โรคประจำตัวที่พบร่วมในผู้เสียชีวิตนั้น อันดับ 1 คือ โรคเบาหวาน รองลงมาโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ ซึ่งคนที่ไม่มีโรคประจำตัวก็เสียชีวิตได้ จึงประมาทไม่ได้ จะบอกว่าแข็งแรงดีก็เสียชีวิตได้ แม้จะอายุน้อย
นพ.ทวีศิลป์เผยว่า ในส่วนสถานการณ์ต่างประเทศ ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อ 2,250,751 ราย เสียชีวิต 154,261 ราย โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งอยู่ๆ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มภายในวันเดียว 1,290 ราย ทั้งที่ประเทศเขากำลังจะเปิดเมือง จึงเป็นเรื่องเตือนใจถึงมาตรการของเราที่จะออกต้องดูสถานการณ์โลก เรื่องนี้ต้องวิเคราะห์ดูสถานการณ์ข่าวสารกันต่อไป อัตราการเสียชีวิตเป็นตัววัดการป้องกันโรคและรักษา เรื่องการเสียชีวิตก็เป็นเรื่องใหญ่ของทุกประเทศในโลกนี้
สำหรับสถิติการรณรงค์ในช่วง 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปีนี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ยอดบาดเจ็บทางถนนลดลง โดยในปี 63 ผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 9,764 ราย ลดลงจากปี 61 ที่มี 28,993 ราย และปี 62 ที่มี 30,212 ราย ลดลง 67.68% ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตทางถนน ปี 63 อยู่ที่ 150 ราย ลดลงจากปี 61 ที่มีจำนวน 487 ราย และปี 62 ที่มีจำนวน 517 ราย ถือว่าลดลงถึง 71% ซึ่งหลายคนบอกว่าอยากให้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกปี แต่คนก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น
ยังฝ่าเคอร์ฟิวมั่วสุม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนผลการปฏิบัติงานของฝ่ายมั่นคงช่วงเคอร์ฟิวคืนวันที่ 17 เม.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 18 เม.ย. ออกนอกเคหสถาน 691 ราย ลดลงจากเมื่อวาน 129 ราย ชุมนุมมั่วสุม เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 113 ราย เพิ่มขึ้นจากเดิม 4 ราย ซึ่งสาเหตุของการมั่วสุมยังคงเป็นการดื่มสุรา เล่นพนัน และยาเสพติด โดยจังหวัดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุด 10 อันดับแรก อันดับ 1 คือ นนทบุรี กรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการ สงขลา สมุทรสาคร ภูเก็ต กระบี่ พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ส่วน 10 จังหวัดที่ไม่มีผู้กระทำผิด คือ ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี แม่ฮ่องสอน อ่างทอง ฉะเชิงเทรา ตราด สุโขทัย และสมุทรสงคราม
เตือนซูเปอร์สเปรดเดอร์
เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนจำนวนมากไปต่อแถวรับของยังชีพที่บริเวณหน้าวัดดอนเมือง จะมีโอกาสติดเชื้อหรือไม่ และภาครัฐจะเข้าไปจัดการและแก้ปัญหาอย่างไร โฆษก ศบค.ระบุว่า เห็นข่าวก็ตกใจมากว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่เราสื่อสารกันทุกวันว่าการอยู่พื้นที่ชุมนุมหรือชุมชนกันมากๆ มีความเสี่ยง ยิ่งคนจำนวนมากไปยืนแออัดรอคอยใช้เวลากันพอสมควร อย่างกรณีไปร้านเหล้าเป็นกลุ่มเพียง 5-10 คนก็ยังติดกันทั้งร้าน แม้บอกว่าจะอยู่ในพื้นที่เปิด ริมถนน ไม่เป็นอะไร แต่ตนเห็นจำนวนคนที่ยืนแออัดแบบนี้มันมีความเสี่ยงมาก
"ผมขอร้องท่านผู้มีใจกุศลใจบุญอยากบริจาคให้ประชาชน ท่านต้องมีระบบที่ดีด้วย เพราะถือว่าการทำแบบนี้ด้านหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำตามข้อกำหนดกฎหมาย เพราะการชุมนุมมากกว่ากี่คนก็เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับกฎหมายอยู่แล้ว แถมยังใช้เวลานานอย่างนี้ เดี๋ยวจะบอกว่าหมอพูดขู่อีกแล้ว แต่นับจากนี้ไปอีก 7-14 วันข้างหน้า คนที่มีภาพอยู่ในนี้ต้องเฝ้าระวังตัวเองอย่างดี หากมีอาการไข้ ไอแห้ง และเจ็บคอ ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงแล้ว มันเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องเตือนให้ดูแลสุขภาพตนเองให้ดี ผมในฐานะตัวแทนพี่น้องสาธารณสุขก็พร้อมดูแล ซึ่งญาติใครที่ไปตรงนี้มาต้องให้ใส่หน้ากากอนามัย 100% ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์"
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่เรากำลังภูมิใจในตัวเลขแต่ละวัน เราอยากจะภูมิใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ภาพที่ปรากฏเมื่อวานนี้มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราอยากจะให้เป็น อย่างไรก็ตาม แนะนำผู้ใจบุญ และผู้ที่จะบริจาคต่อไปจากนี้ ทาง กทม.และเจ้าหน้าที่ของภาครัฐพร้อมให้คำแนะนำ ในส่วนผู้รับของบริจาคมา ของจะมีค่าเมื่อกินตอนสุขภาพแข็งแรงดี ดีกว่ามันจะมีค่าน้อยลงไป เพราะหากของที่รับมาต้องไปวางไว้เฉยๆ แล้วท่านต้องกินอาหารทางสายยางแทน ต้องฝากประชาชนช่วยกันดูแล
ด้าน นพ.โอภาส เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงมาตรการในการลงพื้นที่ตรวจหาโควิด-19 ตามแหล่งชุมชนว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถตรวจได้ทุกหลังคาเรือนได้ เพราะยังไม่จำเป็น เนื่องจากโควิด-19 ไม่ได้มีการแพร่กระจายทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ดังนั้นต้องมุ่งไปที่พื้นที่ที่มีปัญหาก่อน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำในการค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง โดยได้ดำเนินการไปหลายแห่ง ทั้ง กทม. ภูเก็ต ชายแดนภาคใต้ และชลบุรี จากข้อมูลระบาดวิทยาพบว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงการติดเชื้อ โอกาสพบเชื้อมีแค่ 4% กลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยโอกาสพบเชื้อมีไม่ถึง 1% ดังนั้นจึงต้องเน้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยการดำเนินการขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ทั้ง กทม. ในชุมชนคลองเตย และรณรงค์ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเข้ามาตรวจ จึงต้องเน้นมาตรการป้องกันในทุกพื้นที่จะมีความคุ้มค่ากว่า ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง การใช้หน้ากากอนามัย
ห้ามหญิงท้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงการกระจายทรัพยากรทางการแพทย์ว่า หน้ากากอนามัยตอนนี้มีอยู่ในคงคลังที่หน่วยบริการปัจจุบันกว่า 11 ล้านชิ้น อัตราการใช้ประมาณ 443,042 ชิ้น ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ประมาณ 27 วัน ในส่วนของการกระจายหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ 2-15 เม.ย. มีจำนวนเข้า 21 ล้านชิ้น เฉลี่ยนต่อวัน 1.5 ล้านชิ้น จัดส่งไปแล้ว 18 ล้านชิ้น
ส่วนหน้ากาก N95 ซึ่งมีความต้องการอีกมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดความต้องการไว้อยู่ที่ 5 ล้านชิ้น โดยในช่วงเดือนนี้สามารถจัดสรรหาได้กว่า 5.8 แสนชิ้น ทั้งนี้ ยอดคงคลังของหน้ากาก N95 ในองค์การเภสัชฯ อยู่ที่ 8 หมื่นชิ้น อย่างไรก็ตามสถิติการใช้อยู่ที่วันละ 1.3 หมื่นชิ้น เฉลี่ยความต้องการต่อเดือนอยู่ที่ 6 แสนชิ้น เนื่องด้วยความต้องการที่ไม่สามารถหาทรัพยากรได้ที่เพียงพอต่อความต้องการ เราจึงพยายามหลายจากภาคส่วน ทั้งหน้ากาก N99 ผลิตโดยคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ โดยผลิตส่งให้โรงพยาบาลต่างๆ กว่า 3 ,000 ชิ้น ตั้งเป้าอีก 5,000 ชิ้น
ในส่วนชุดป้องกัน PPE มีต้องการ 5 ล้านชุด ชุดโคฟเวอร์ออล มีอยู่ในคลัง 11,000 ชุด นอกเหนือจากการสั่งนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ยังได้มีการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศ โดยร่วมกับสภาพัฒนาสิ่งทอ และสภาอุตสาหกรรมของประเทศในการผลิตชุดกาวน์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ประมาณ 20 ครั้ง รวมทั้งพัฒนาชุดป้องกัน PPE โดยผลิตในประเทศไทย โดยสถิติการใช้ชุดป้องกันอยู่ที่ 18,411 ชุด
นพ.วิฑูรย์กล่าวว่า ในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ มีการนำเข้ามากว่า 1.8 แสนเม็ด อยู่ระหว่างการนำเข้าจากญี่ปุ่นกว่า 1.3 แสนเม็ด ที่จะเข้ามาภายในเดือนนี้ อีกทั้งได้สั่งจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนเม็ด มีการใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วย 682 ราย อยู่ในหน่วยบริการที่ 3 หมื่นเม็ด ใช้ไปแล้ว 5.4 หมื่นเม็ด ดังนั้นยาคงคลังที่อยู่ในองค์การเภสัชกรรม 9.4 หมื่นเม็ด ซึ่งขณะนี้เราต้องการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสินค้าประเภทนี้มีความต้องการทั้งโลก ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมมีประกาศประสงค์ที่จะจัดหาทรัพยากรเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยเปิดให้เอกชนที่มีความพร้อมร่วมเสนอราคา และจัดหาทรัพยากรเหล่านี้
เมื่อถามว่า ยาที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 มีผลข้างเคียงอย่างไร และสามารถซื้อทานเองได้หรือไม่ นพ.วิฑูรย์กล่าวว่า ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยานำเข้า ไม่มีการจำหน่ายตรง เป็นยาที่กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนไปที่โรงพยาบาลเท่านั้น โดยประชาชนจะรับยาได้ก็ต่อเมื่อแพทย์ได้มีการสั่งจ่ายยาแล้ว ส่วนผลข้างเคียงไม่สามารถใช้กับหญิงตั้งครรภ์ได้ เพราะมีผลต่อตัวอ่อน และสตรีที่ให้นมบุตร ผู้ชายต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากจะมีผลต่อทารกในครรภ์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |