18 เม.ย.63 - พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้
ควิด-19 กับ การเยี่ยวยาประชาชน
ยิ่งเห็นยอดหัวลูกศรเกี่ยวกับผู้ติดไวรัส โควิด-19 หัวทิ่มลงมากเท่าไรประชาชนก็ดีใจและอุ่นใจมากขึ้น แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ยอมไม่ได้แน่ๆถ้ารัฐบาลจะได้คะแนนนิยมไปง่ายๆแบบนี้ แล้วยังมีการแจกเงินเยี่ยวยาประกอบเพิ่มเติ่มซ้ำเข้าไปอีก กว่า1ล้านล้านบาท
ปัจจุบันเริ่มมีการแพร่ข่าวว่าเป็นคำถามว่า (1) ทำไมตอนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์กู้เงินแบบนี้(กู้พิเศษนอกงบประมาณ) จึงทำไม่ได้ และ (2) ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้ มันสองมาตราฐานชัดๆเลย
ก่อนที่จะตอบขอทบทวนให้นึกถึงความจริง ว่า ทั้งรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์และ พล.อ.ประยุทธ นั้น ล้วนแต่มาจากการเลือกตั้งทั้งคู่ เมื่อจำได้แล้วจึงขอตอบว่า
1.ที่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ทำไม่ได้นั้น เพราะ รัฐธรรมนูญ ปี2550 บัญญัติห้ามไว้ ศาลรัฐธรรมนูณ จึงระบุว่า "จะกู้ได้ต้องทำผ่าน พรบ.งบประมาณเท่านั้น"
2.ทำไม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จึงกู้เงินนอกงบประมาณได้ ก็เพราะรัฐธรรมนูณ ฉบับล่าสุดนี้(พ.ศ.2560) บัญญัติให้ทำได้ และยังมีข้อแถมมาอีก
ทั้ง 2 กรณี แบบไม่ตั้งใจ คือ (1) ไม่ต้องผ่านรัฐสภา (ส.ส. และ สว.) และ(2) ไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อบังคับตามรัฐธรรมนูณ ม.140 ซึ่งเป็นมาตรการกั้นโกงที่โหดเหี้ยมอีกด้วย เพราะม.140บัญญัติมาใช้เฉพาะ "เงินในงบประมาณเท่านั้น"
3.รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รู้เห็นกับผู้ร่างรัฐธรรมนูญหรือเปล่าเรื่องนี้คงตอบไม่ได้ครับ แต่ขอให้แง่คิดไว้ว่า (1) คณะร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้มีจุดประสงค์แน่วแน่ว่า จะร่างรัฐธรรมนูญมาเพื่อป้องกันการทุจริต ซึ่งผมเป็นอนุกรรมการอยู่ด้วยคนหนึ่ง ในตอนเริ่มร่างนั้นจึงทราบเจตนานี้อย่างชัดเจน
(2) ไม่มีใครจะทราบล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าไม่มีสาเหตุนี้ รัฐบาลไหนจะกล้าเสนอกู้เงินนอกงบประมาณแบบนี้ได้ คงถูกอัดจมดินแน่ๆ
(3) ตอนเลือกตั้งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่า ใครจะชนะมาเป็นรัฐบาลเพราะทั้ง 2 ฝ่ายคะแนนเสียงใกล้เคียงกันมาก
ตอนนี้เริ่มมีคนออกมาเหน็บแนมรัฐบาล เรื่องการเยียวยาเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่ตอนหัวลูกศรของคนติดเชื้อขึ้นสูงนั้น ทุกคนเห็นชอบกันไปหมด แต่พอลูกศรเรื่มตกเห็นแสงสว่างของชัยชนะ ก็เริ่มออกมาติติงกันเป็นแถว เรื่องนี้จึงน่าห่วงครับ
การกู้เงินพิเศษนอกงบประมาณมากขนาดนี้ โดยไม่ผ่านทั้ง ส.ส. และ สว. นั้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบไปเต็มที่ ดังนั้นถ้าจะควบคุมไม่ให้งบประมาณรั่วไหลแล้ว รัฐบาลจะต้องใช้มาตรการให้เข้มมากกว่าการควบคุมงบประมาณที่ผ่านสภา ถึงจะเอาตัวรอดได้ครับ เพราะการใช้งบนี้มาเยียวยา โดยจำแนกเป็นกลุ่มอาชีพนั้น มีจุดอ่อนมากมายซึ่งจะเห็นมากขึ้น ตามลำดับ
ดังนั้นจุดอ่อนที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าประชาชนจะไม่ว่าอะไร เพราะการทำงานมันก็ต้องผิดกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเกิดการโกงหรือ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันขึ้น หรือมีลักษณะที่จะนำเงินนี้ไปหาเสียง รัฐบาลแย่แน่ๆครับ
อย่าลืมว่าเครือข่ายของพรรคฝ่ายค้าน ในมหาดไทย และในองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้น มีมากกว่ารัฐบาลนะครับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |