ลุงขายเฉาก๊วยที่ปากช่องดีใจคิดว่าได้เจอนักบุญช่วยลงทะเบียนรับเงินเยียวยาโควิดจนเป็นผลสำเร็จ แต่สุดท้ายถึงรู้เป็นคนบาปยักไป 4 พันเหลือคืนให้แค่ 1 พัน พลเมืองดีรู้เรื่องพาเข้าแจ้งความ ถูกคุมตัวดำเนินคดีเพราะใช้ไปหมดแล้ว
    กรณีชายคนหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าได้ช่วยเหลือพ่อค้าขายเฉาก๊วยวัย 69 ปี ทำเรื่องขอเงินเยียวยากรณีได้รับผลกระทบโรคโควิด-19 จากรัฐบาลสำเร็จ ได้เงินมา 5,000 บาท ทำให้ชาวโลกออนไลน์ต่างชื่นชมในการกระทำของชายคนนี้เป็นอย่างมาก แต่ภายหลังกลับพบว่าชายผู้นี้ให้เงินชายชราไว้เพียง 1,000 บาท อีก 4,000 บาทถูกถอนไปจากบัญชีแล้ว 
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.ท.สายันต์ จันทะปัญญา สว. (สอบสวน) สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า นายบุญใหล มอมขุนทด หรือ "ตาลาน" พ่อค้าขายเฉาก๊วย ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดชายคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ปางช่อง ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางวัน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา นายบุญใหลขี่จักรยานยนต์พ่วงข้างไปขายเฉาก๊วยแถววัดขนงพระใต้ พบชายคู่กรณีเข้ามาซื้อเฉาก๊วย แล้วสอบถามถึงเรื่องการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาโควิด-19 ซึ่งนายบุญใหลบอกว่าไม่ทราบเรื่องและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ชายคนนี้จึงอาสาดำเนินการให้โดยใช้โทรศัพท์ของนายบุญใหลลงทะเบียน นายบุญใหลจึงตอบแทนน้ำใจด้วยการให้กินเฉาก๊วยฟรี 6 แก้ว
    ต่อมาวันที่ 14 เม.ย. ชายคนดังกล่าวโทรศัพท์มาบอกนายบุญใหลว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว และนัดไปกดเอาเงินจากตู้เอทีเอ็ม หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สามแยกถนนธนะรัชต์ ทางขึ้นเขาใหญ่ บ้านนา กม.3 ต.ขนงพระ หลังจากกดเงินได้แล้ว ชายผู้ทำตัวเป็นพลเมืองดีได้ส่งเงินให้ 1,000 บาท บอกว่าเงินมีแค่นี้ ขณะที่นายบุญใหลดีใจให้ชายผู้นี้กินเฉาก๊วยฟรีอีก 10 แก้ว จากนั้นขี่จักรยานยนต์ตระเวนขายเฉาก๊วยตามปกติ
    พ.ต.ท.สายันต์เปิดเผยว่า ต่อมามีลูกค้าถามนายบุญใหลว่าได้เงินเยียวยา 5,000 หรือไม่ นายบุญใหลบอกได้เพียง 1,000 บาท ขณะที่ลูกค้ารายอื่น ๆ ก็สอบถามเช่นกัน และพูดในทำนองเดียวกันว่าโดนโกงเงินอย่างแน่นอน เพราะความจริงต้องได้เงินครบ 5,000 บาท ทำให้นายบุญใหลรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ติดตามหาตัวชายคนดังกล่าวมาสอบสวน ซึ่งต่อมาตำรวจพบว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่อ้างว่าได้ช่วยชายชราทำเรื่องขอรับเงินเยียวยาจากรัฐบาล จึงได้ติดต่อสอบถามและพบว่าเป็นคนเดียวกัน จึงนัดให้มาเคลียร์ที่โรงพัก ปรากฏว่าชายคนนี้อ้างว่านำเงินไปใช้หมดแล้ว และขอผ่อนชดใช้สัปดาห์ละ 1,000 บาท ขณะที่นายบุญใหลยื่นคำขาดขอให้ชดใช้เงินที่เหลือ 4,000 บาทในทันที แล้วจะไม่เอาความ ปรากฏว่าอีกฝ่ายยังคงบ่ายเบี่ยง สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
    ด้านนายบุญใหล มอมขุนทด อายุ 69 ปี ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านเช่าริมถนนมิตรภาพ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปขายเฉาก๊วยที่หน้าโรงเรียนขนงพระใต้ ต.ขนงพระ มีชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน เข้ามาถามว่าลงทะเบียนรับเงินเยียวยาโควิด-19 จากรัฐบาลหรือยัง ตนก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย เพราะอ่านหนังสือไม่ออก โทรทัศน์ก็ไม่ได้ดู ชายคนดังกล่าวจึงอาสาลงทะเบียนให้ และว่าอีกไม่กี่วันจะมีเงินเข้าบัญชี
    จากนั้น วันที่ 15 เม.ย. ชายคนดังกล่าวโทรศัพท์มาบอกว่าเงินเข้าแล้ว พร้อมทั้งพาไปกดเงินที่ตู้หน้าร้านสะดวกซื้อริมถนนธนะรัชต์ ทางเข้าเขาใหญ่ โดยกดไป 2 ครั้ง จากนั้นก็ส่งเงินให้ตน 1,000 บาท บอกว่าเงินเข้าแค่นี้ ซึ่งตนก็ดีใจคิดว่าได้แค่นี้จริงๆ ก่อนที่แม่ค้าหน้าร้านสะดวกซื้อจะถามว่าลุงได้เงินเท่าไร ตนจึงตอบไปว่า 1,000 บาท แม่ค้าบอกลุงถูกโกงแล้ว จากนั้นก็มีพลเมืองดีพาไปปรับสมุดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปากช่อง จึงรู้ว่าถูกโกง ก่อนจะพาไปแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง
    สำหรับพลเมืองดีที่ช่วยตรวจสอบให้นายบุญใหล ได้โพสต์ลงทวิตเตอร์เล่าว่า เป็นลูกค้าลุงขายเฉาก๊วยมานาน ได้พูดคุยสอบถามจนทราบเรื่อง จึงพาลุงไปอัพข้อมูลสมุดบัญชีธนาคาร ปรากฏว่ามียอดเงินเข้าวันที่ 14 เมษายน จำนวน 5,000 บาทจริง แต่มีการโอนออกไป 4,000 บาท โดยหักค่าธรรมเนียม 25 บาท เหลือเงินที่โอน 3,975 บาท จากนั้นก็มีการถอนออกมา 1,000 บาท ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ลุงขายเฉาก๊วยบอกเล่าให้ฟัง จึงได้พาลุงไปแจ้งความตำรวจ ปรากฏว่าได้มีการพูดคุยเจรจากับคู่กรณี โดยเขายอมนำเงินจำนวน 3,975 บาท มาคืนให้ลุงขายเฉาก๊วยผู้เสียหายภายใน 7 วัน หลังจากบอกว่านำเงินไปใช้หนี้ให้แม่ และเอาไปจ่ายค่าซ่อมรถยนต์ พร้อมกับเข้ามาตอบเจ้าของทวิตเตอร์ที่โพสต์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ถ้าเขาไม่ฆ่าตัวตายไปก่อนจะมาดำเนินคดีกับเจ้าของทวิตเตอร์ที่เล่าเรื่องดังกล่าว เพราะมีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตนเอง ซึ่งทางเจ้าของทวิตเตอร์ก็ตอบกลับว่ายินดีลบข้อความทั้งหมดหากลุงขายเฉาก๊วยได้เงินคืนครบถ้วน.