‘หุ้นไทย’คึก3วันต่อเนื่อง ‘ธปท.’จับตาค่าเงินบาท


เพิ่มเพื่อน    

  หุ้นไทยทำสถิติรายวันต่อเนื่อง ส่งท้ายสัปดาห์ทะลุ 1,800 จุดแล้ว แต่ทนแรงขายทำกำไรไม่ไหว ปิดตลาดที่ 1,795.45 จุด ค่าเงินบาทไม่น้อยหน้าแข็งโป๊กสุดตั้งแต่ ก.ย.2557 “แบงก์ชาติ” รับจับตาใกล้ชิดพร้อมดูแลทันควัน

    เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคม แม้เป็นวันสุดท้ายในสัปดาห์แรกของปี 2561 แต่ภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงมีความคึกคักร้อนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยเมื่อเปิดตลาดดัชนียังคงอยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง และก่อนปิดตลาดช่วงเช้ายังคงมีแรงขายทำกำไรเป็นระยะ ทำให้ดัชนีลดลงในแดนลบชั่วคราว จากนั้นมีแรงซื้อกลับเข้ามาได้ ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีกลับมายืนบวกได้อีกครั้ง และสามารถขึ้นไปยืนจุดสูงสุดที่ระดับ 1,803.93 จุดได้ แต่ก็ยังมีแรงขายออกมาเช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,795.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.43 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.25% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 87,480.95 ล้านบาท แตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,787.34 จุด เป็นสถิติใหม่ทั้งดัชนีปิดของวันสูงสุดและระหว่างวันสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2518 หรือในรอบ 43 ปีอีกครั้ง

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 3-5 ม.ค. ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 41.74 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 2.38% จากสิ้นปี 2560 ดัชนีปิดที่ 1,753.71 จุด โดยมูลค่าซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,029.64 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 1,814.66 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,326.11 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 1,111.13 ล้านบาท ส่วนมูลค่าซื้อขายสะสมตั้งแต่วันที่ 3-5 ม.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 409.65 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 7,402.99 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 745.48 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 7,738.82 ล้านบาท

    นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยระหว่างวันสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,800 จุดได้ แต่ยังมีการพักตัวและปรับลงมาใหม่ โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มใหญ่ นำโดยกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยลบหรือบวกที่ชัดเจน จึงยังคงเป็นการเข้าซื้อหุ้นรายตัว เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนของรัฐ

    นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน ธ.ค.2560 นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงกว่ากลุ่มผู้ลงทุนอื่นด้วยมูลค่า 104,666 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 9,036 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี 2560 นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 26,103 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับการลงทุนต่างประเทศในตลาดตราสารหนี้ของไทยที่มีสถานะซื้อสุทธิในปี 2560

ส่วนดัชนีหุ้นไทยสิ้นเดือน ธ.ค.2560 ปิดที่ 1,753.71 จุด เพิ่มขึ้น 13.7% จากสิ้นปี 2559 โดยปี 2560 ที่ผ่านมา มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนีหุ้นไทย ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร ด้านมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ในเดือน ธ.ค.2560 รวมอยู่ที่ 51,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2560 อยู่ที่ 50,114 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    สำหรับภาวะค่าเงินบาทในวันเดียวกันนั้น เปิดตลาดที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงกับระดับปิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. โดยระหว่างวันก็เคลื่อนไหวในกรอบ 32.16-32.45 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินที่แตะระดับ 32.16บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ ก.ย.2557 ก่อนปิดตลาดที่ 32.22 บาท/ดอลลาร์

        ด้านนายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่เป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เฝ้าติดตาม บริหารดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบกับการขยายตัวเศรษฐกิจไทยอยู่แล้ว

    "ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้มีความเหมาะสมอยู่แล้ว เพราะหากปล่อยให้แข็งค่ามากเกินไป ก็จะกระทบกับรายได้ผู้ส่งออก แต่หากปล่อยให้อ่อนเกินไป ก็จะกระทบกับผู้นำเข้า ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น" นายสุวิชญกล่าว

    นายสุวิชญกล่าวอีกว่า ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งขึ้นเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลดีถึงตลาดหุ้นด้วย ทำให้นักลงทุนนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมาก เพราะเห็นว่ามีบริษัทหลายแห่งที่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล

    ส่วนนายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2561 เงินบาทแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับเงินสกุลของภูมิภาค แต่เคลื่อนไหวค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยการแข็งค่าของเงินบาท เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีการไหลเข้าของเงินทุนเข้ามาในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรทั้งภูมิภาค

     “ธปท.ติดตามสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด และหากค่าเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินควร จนอาจกระทบต่อการปรับตัวของภาคเอกชน ธปท.พร้อมเข้าดูแล” นายเมธีกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"