ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเสียงประณามจากทั่วโลก หลังประกาศหยุดให้เงินบริจาคช่วยเหลือองค์การอนามัยโลก อ้างองค์กรนี้บริหารจัดการผิดพลาดและปกปิดการแพร่ระบาดในจีน รัฐมนตรีรัสเซียซัดเห็นแก่ตัวมาก
ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 ว่าเขาได้สั่งการให้รัฐบาลของเขายุติการให้เงินช่วยเหลือแก่ดับเบิลยูเอชโอ เนื่องจากองค์กรในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แห่งนี้บริหารจัดการผิดพลาดอย่างรุนแรง และปกปิดการแพร่ระบาดหลังพบไวรัสนี้ในจีนครั้งแรก โดยเห็นความถูกต้องทางการเมืองอยู่เหนือมาตรการรักษาชีวิต ซึ่งหากดับเบิลยูเอชโอประเมินสถานการณ์ในจีนอย่างถูกต้อง การแพร่ระบาดครั้งนี้ก็อาจควบคุมได้โดยมีคนเสียชีวิตน้อยกว่านี้
"ผมกำลังออกคำสั่งให้รัฐบาลหยุดให้เงินสนับสนุนระหว่างรอการทบทวนเพื่อประเมินบทบาทขององค์การอนามัยโลกเรื่องการบริหารจัดการผิดพลาดอย่างรุนแรงและปกปิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา" ทรัมป์กล่าว และว่า รัฐบาลของเขาจะตัดสินใจว่าจะให้เงินดับเบิลยูเอชโออีกครั้งหรือไม่หลังเสร็จการทบทวนซึ่งจะใช้เวลา 60-90 วัน
ทรัมป์เคยโจมตีดับเบิลยูเอชโอก่อนหน้านี้ว่า ลำเอียงเข้าข้างจีนและยึดจีนเป็นศูนย์กลาง ทั้งที่สหรัฐคือผู้บริจาคเงินรายใหญ่ที่สุดให้แก่องค์กรนี้ โดยปีที่แล้วบริจาคมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับขู่ว่าจะระงับเงินช่วยเหลือ
นักวิจารณ์กล่าวกันว่า การหันมาโจมตีดับเบิลยูเอชโอของทรัมป์เป็นความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ และโยนความผิดให้องค์กรนี้ เพื่อกลบเสียงวิจารณ์ที่ว่าเขาดูเบาความรุนแรงของไวรัสโคโรนาและรัฐบาลตอบสนองต่อสถานการณ์ช้าเกินไป
ด้านอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะลดทรัพยากรของดับเบิลยูเอชโอ นี่คือเวลาสำหรับความเป็นเอกภาพ เวลาที่ประชาคมระหว่างประเทศจะร่วมมือกันด้วยความสามัคคีเพื่อหยุดยั้งไวรัสและผลกระทบร้ายแรงที่เกิดตามมา
กระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงตอบโต้ผู้นำสหรัฐเมื่อวันพุธว่า นี่คือช่วงเวลาวิกฤติ การตัดสินใจของสหรัฐจะลดทอนศักยภาพของดับเบิลยูเอชโอ และบั่นทอนความร่วมมือระหว่างประเทศ
เซอร์เกย์ เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ใช้ถ้อยคำรุนแรงกว่าในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียเมื่อวันพุธว่า คำประกาศของทรัมป์เป็นตัวอย่างของความเห็นแก่ตัวมากๆ ของทางการสหรัฐต่อสถานการณ์โรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในโลก
โมฮัมหมัด จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ก็ร่วมวงตำหนิทรัมป์ด้วย โดยกล่าวว่าโลกกำลังเรียนรู้ในสิ่งที่อิหร่านรู้และประสบมาโดยตลอดจากการถูกสหรัฐกดดันถึงขีดสุด นั่นคือ การข่มเหงรังแก, คุกคาม และคุยโตโอ้อวดของระบอบสหรัฐไม่ใช่แค่อาการเสพติดเท่านั้น แต่สหรัฐฆ่าคนด้วย
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศ ไฮโก มาส ของเยอรมนี ทวีตเตือนว่า "การโทษคนอื่นไม่ช่วยอะไร ไวรัสไม่รู้จักพรมแดน" หนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดคือการเพิ่มความเข้มแข็งให้ยูเอ็น โดยเฉพาะดับเบิลยูเอชโอที่ขาดแคลนเงินทุน เพื่อใช้ในการพัฒนาและแจกจ่ายชุดทดสอบและวัคซีน
ในสหรัฐ กลุ่มรณรงค์ด้านสาธารณสุข โพรเท็กต์อาวร์แคร์ กล่าวว่า การระงัลทุนสนับสนุนดับเบิลยูเอชโอคือความพยายามอย่างชัดแจ้งของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการดูเบาความรุนแรงของวิกฤติไวรัสโคโรนาของทรัมป์เอง และความล้มเหลวของรัฐบาลเขาในการเตรียมการรับมือ
เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ยังแสดงความมั่นใจว่าสถานการณ์ในสหรัฐเริ่มเห็นแสงสว่างที่เส้นขอบฟ้าแล้วและหลายพื้นที่น่าจะยกเลิกมาตรการชัตดาวน์ได้โดยเร็ว แม้ว่าวันเดียวกันนั้น ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์จะระบุว่า สหรัฐมีผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมง ถึง 2,228 คน ทำลายสถิติของวันที่ 10 เมษายน ซึ่งอยู่ที่ 2,107 คน และเป็นการเพิ่มจำนวนคนตายรายวันแบบพรวดพราดหลังจากลดลงมา 2 วัน.
ถึงวันพุธ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากที่สุดในโลก 609,685 ราย เสียชีวิต 26,059 รายมากที่สุดในโลกเช่นกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |