"บิ๊กแป๊ะ"กางกฎหมายฟันทุกข้อหา สั่งเข้มถอนรากแก๊งกักตุนหน้ากาก


เพิ่มเพื่อน    

     

      ครั้งหนึ่งประเทศไทยต้องจารึก ประเพณีสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทยที่มีวันหยุดยาว ลูกหลานที่อยู่ห่างบ้านไกลเมืองก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แต่มีอันต้องยกเลิกไป เพื่อร่วมมือร่วมใจระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

        สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อจะทะลุ 2 ล้านคนแล้ว เสียชีวิตอีกกว่าแสนศพ ประเทศสหรัฐเบอร์หนึ่งเรื่องสาธารณสุขและควบคุมการแพร่ระบาดตกม้าตาย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม และยอดผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก  ตามมาฝั่งยุโรป สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี แซงหน้าประเทศจีนไม่เห็นฝุ่น เป็นที่น่าตกใจ ศพผู้เสียชีวิตที่สหรัฐเริ่มล้นห้องเย็น ภาพที่น่าสลดเริ่มออกสู่สายตาชาวโลก ไม่ต้องพูดถึงที่ประเทศเอกวาดอร์ ปล่อยศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิดเน่าขึ้นอืดเกลื่อนถนน เนื่องจากโรงพยาบาลและสถานที่เก็บศพไม่เพียงพอ

        ส่วนการแพร่ระบาดในไทย เป็นสัญญาณที่ดีเมื่อมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ตัวเลขลดลง จากหลักร้อยลงมาอยูที่หลักสิบ การป้องกันยับยั่งการแพร่ระบาดของไทยบูรณาการร่วมกันทุกส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้รับการชื่นชมจากหลายๆ ชาติถึงมาตรการป้องกัน เพราะไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดระบาดต่อจากจีน แต่ด้วยมาตรการทางกฎหมาย  พ.ร.ก.ฉุนเฉิน ตีกรอบการแพร่ระบาดตั้งแต่ปิดสถานที่ที่มีผู้คนไปพบปะกันเป็นจำนวนมาก ง่ายต่อการแพร่ระบาด ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ สนามมวย สวนสาธารณะ โรงเรียน สถานศึกษา

        ต่อด้วยการใช้ยาแรงประกาศเคอร์ฟิว ห้ามผู้คนออกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. หลังจากยังมีผู้ไม่ให้ความร่วมมือ จัดสังสรรค์ปาร์ตี้ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งระบาดเชื้ออย่างรวดเร็ว มีผู้ฝ่าฝืนถูกดำเนินคดีไปแล้วหลายราย โทษทั้งจำทั้งปรับ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่อด้วยคำสั่งหลายจังหวัดห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.เป็นต้นไป จนถึงหลังสงกรานต์ แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน และหลายจังหวัดล็อกดาวน์คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า แต่ละมาตรการเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้ตัวเลขเริ่มลดลงเรื่อยๆ

        ข้อได้เปรียบของบ้านเรา นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นนักรบด่านหน้าต่อสู้กับไวรัสแล้ว ยังมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่มีอยู่กว่า 1.4 ล้านคน ส่วนกรุงเทพฯ มีอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ ออส.อีก กว่า 15,000 คน ที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นกำลังสำคัญ เคาะประตูบ้านกลุ่มเสี่ยงในการให้ความรู้เบื้องต้นถึงแนวทางปฏิบัติและการป้องกันการแพร่ระบาด เป็นการรับมือเบื้องต้นไทยจึงสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ขณะที่สงกรานต์ปีนี้กรมควบคุมโรคและ อสม.ได้ช่วยกันรณรงค์สงน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ผ่านช่องทางออนไลน์ ลดการใกล้ชิดหรือสัมผัส โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโอกาสเสี่ยงติดโรคได้ง่ายกว่าคนปกติ

        การต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวเรือใหญ่ โดยมีทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เป็นผู้สนับสนุน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บิ๊กแป๊ะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งไปทุกกองบัญชาการ ปราบปรามอาชญากรรมที่ฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบซ้ำเติมประชาชนในขณะที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยให้ใช้กฎหมายทุกมาตราที่เข้าข่ายการกระทำความผิด

        โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาหน้ากาอนามัยขาดแคลนอย่างหนัก ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้ ถูกกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสกักตุนสินค้าปั่นราคาพุ่งเป็นสูงลิบในตลาดออนไลน์ ปัญหาตามมามีผู้ถูกหลอกซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าสูญเงินไปจำนวนมาก เป็นการซ้ำเติมประชาชน "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้มีหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ 0011.25/1040 ลงวันที่ 14 เมษายน 2563 ถึงการซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติในการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิต นำเข้า ส่งออกจำหน่ายหน้ากากอนามัย และอาชญากรรมในรูปแบบอื่นอีกหลายกรณี

        "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้มอบหมายให้ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กำกับดูแลการซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติเพิ่มเติมในการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายมีความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากความผิดฐาน จำหน่ายเกินราคาที่กำหนด และไม่แสดงราคาสินค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542

        ผู้นำเข้าเก็บสินค้าควบคุมไว้ ณ สถานที่อื่นนอกจากสถานที่เก็บตามที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม ม.30 และ ม.41 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีการขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อ จะมีความผิดตาม ป.อาญา ม.271 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

        ในกรณีผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) หากไม่จดทะเบียนสถานประกอบการต่อผู้อนุญาต (อย.) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม ม.15 และ ม.85 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 และหากผู้ผลิต ผู้ส่งออก ตัวแทนจำหน่วยหน้ากากอนามัย ไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ส่งออก ฯลฯ ตามประกาศของคณะกรรมการ ตามมาตรา 25 (5) และ ม.26 ว.1 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท หากพบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดหรืออายัดหน้ากากอนามัย หรือพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไว้จนกว่าคดีถึงที่สุด

        พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ยึดหลักกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ปราบปรามจับกุมอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชน และให้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้กระทำความผิดให้ครบถ้วนทุกกรณี โดยให้ผู้บังคับบัญชาในทุกพื้นที่ลงไปกำกับ ดูแล ขับเคลื่อนการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

        เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องร่วมกันอย่างจริงจัง ขจัดเหลือบไรที่คอยฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จับตาดูอย่ากระพริบตา จะสาวถึงต้นตอได้หรือไม่ เพราะขบวนการกักตุนหน้ากากมีนายทุนใหญ่ ข้าราชการ นักการเมืองเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ กฎหมายจะเอาคนพวกนี้เข้าคุกได้หรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"