สังเวยโควิดทั่วโลกทะลุ120,000ศพ


เพิ่มเพื่อน    


    วิกฤติเริ่มซา ตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตในหลายประเทศยังทรงตัว บางรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการ แต่บางชาติยังขยายเวลาล็อกดาวน์ต่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" หักรัฐบาลท้องถิ่น ยืนยันประธานาธิบดีมีสิทธิ์เด็ดขาดสั่งยกเลิกมาตรการได้ ยอดสังเวยทั่วโลกทะลุ 120,000 ศพแล้ว ติดเชื้อใกล้ถึง 2 ล้านราย
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) หรือโควิด-19 ในหลายประเทศอยู่ในภาวะทรงตัว แม้จะยังมีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มที่ชะลอตัวลง  และทำให้หลายประเทศเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ณ เวลา 18.00 น. ของวันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก  1,929,922 ราย เสียชีวิต 120,449 ราย
    สหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก 23,649 ราย จากผู้ติดเชื้อสะสม 582,594 ราย ซึ่งมากที่สุดในโลกเช่นกัน รัฐนิวยอร์กสถานการณ์รุนแรงที่สุด มีผู้ติดเชื้อสะสมถึง 195,655 ราย มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อของประเทศอื่นทุกประเทศ และมีคนเสียชีวิตถึง 10,056 ราย ถึงกระนั้น แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของรัฐนิวยอร์กน่าจะยุติลงแล้ว 
    คูโอโมกำลังจับมือกับผู้ว่าการรัฐอีก 9 รัฐจากฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เพื่อประสานความร่วมมือกันว่าจะดำเนินการเปิดเศรษฐกิจของรัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างไร และกำหนดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ประชาชนที่เริ่มใช้เมื่อเดือนที่แล้ว 
    เมื่อวันจันทร์ สหรัฐอเมริการายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 1,500 คนภายใน 24 ชั่วโมง  แม้จะยังเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่จำนวนนี้ต่ำกว่ายอดของสัปดาห์ที่แล้วที่มีคนตายวันละเกือบ 2,000 รายติดต่อกันหลายวัน นอกจากนั้นผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยืนยันแล้วก็เพิ่มแค่ราว  23,000 ราย ต่ำกว่ายอด 30,000-50,000 ราย/วันเมื่อสัปดาห์ก่อน
    การแพร่ระบาดที่เหมือนชะลอตัวลงทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มั่นใจว่าสถานการณ์ในประเทศกำลังทรงตัวแล้วและมีแนวโน้มลดลงด้วย ทรัมป์ย้ำอีกครั้งว่าเขาต้องการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เมื่อถูกตั้งคำถามระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ว่า ระหว่างผู้ว่าการรัฐหรือรัฐบาลกลาง ใครควรเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดธุรกิจหรืออนุญาตให้สถาบันการศึกษากลับมาเปิดตามปกติ ทรัมป์ยืนกรานว่า เขาในฐานะประธานาธิบดีคือผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาด
    "ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคือผู้ตัดสินใจ" ทรัมป์ย้ำ แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าเขาจะทำงานร่วมกับมลรัฐต่างๆ 
    ทรัมป์ซึ่งชูธงผลงานด้านเศรษฐกิจเป็นหลักในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ปลายปีนี้  ทำให้นักข่าวในทำเนียบขาวตะลึงงันเมื่อเขาฉายวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อหาเสียงให้ตนเองก่อนเข้าสู่การแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ประจำวัน ซึ่งหลายเครือข่ายถ่ายทอดสด ทำให้บางสถานีต้องตัดสัญญาณภาพ ทรัมป์ยังคุยด้วยว่ามาตรการที่เขาตัดสินใจ "ช่วยรักษาชีวิตคนได้นับหมื่น หรืออาจนับแสนคน" 
    ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกตำหนิว่าดูเบาสถานการณ์และเปรียบเทียบโควิด-19 กับไข้หวัดใหญ่ เขายังคุยซ้ำหลายครั้งที่ตัดสินใจห้ามนักเดินทางจากจีนเข้าสหรัฐอเมริกา โดยไม่ฟังคำเตือนขององค์การอนามัยโลกที่คัดค้านการจำกัดการเดินทาง อย่างไรก็ดี เมื่อวันอาทิตย์นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาของรัฐบาล กล่าวว่าหากรัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการชัตดาวน์เร็วกว่านี้ น่าจะรักษาชีวิตคนได้อีกมาก คำกล่าวเชิงวิจารณ์รัฐบาลของทรัมป์ทำให้คาดเดากันว่าทรัมป์จะปลดเขาออกจากตำแหน่ง แต่ทำเนียบขาวรีบออกมาปฏิเสธ
    ในฝั่งยุโรป อิตาลีมีผู้เสียชีวิตเกิน 20,000 คนแล้วเมื่อวันจันทร์ โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 566 ราย ยอดรวมเป็น 20,465 ราย จากผู้ติดเชื้อสะสม 159,516 ราย แต่จำนวนผู้ป่วยในห้องไอซียูลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ลดลงเช่นกันเหลือเพียง 2% รัฐบาลอิตาลีเริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้วในสัปดาห์นี้ โดยธุรกิจและโรงงานบางแห่งเริ่มกลับมาดำเนินกิจการ
    สเปนมีผู้เสียชีวิตเกิน 18,000 คนแล้วเมื่อวันอังคาร แต่ตัวเลขล่าสุดของทางการสเปนเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำสุดนับแต่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 3,045 ราย หรือเพิ่ม 1.8% ยอดสะสมอยู่ที่ 172,451 ราย ในรอบ 1 วันสเปนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 567 คน มากกว่าของวันจันทร์เล็กน้อย ยอดตายรวมอยู่ที่ 18,056 ศพ
    ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 14,967 รายในวันจันทร์ เพิ่มจาก 14,393 รายของวันอาทิตย์ ผู้ติดเชื้อสะสม 136,779 คน ผู้ป่วยหนักลดลงเล็กน้อยจากวันอาทิตย์ แต่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ยังคงตัดสินใจขยายมาตรการควบคุมโรคต่อไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 
    สถานการณ์ในอังกฤษยังไม่น่าวางใจ จำนวนผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลทั่วอังกฤษเพิ่มเป็น 11,329  คน มากเป็นอันดับ 5 ของโลก โดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศที่รับมอบหมายทำหน้าที่แทนนายกฯ  บอริส จอห์นสัน ระหว่างพักฟื้นจากโรคโควิด-19 กล่าวว่า หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลและการแพร่ระบาดของไวรัสในอังกฤษยังไม่ผ่านจุดสูงสุด
    ในภูมิภาคอาเซียน กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียรายงานเมื่อวันอังคารว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นสถิติใหม่ถึง 60 ราย ทำให้ยอดตายรวมเป็น 459 ศพแล้ว มากที่สุดในภูมิภาคนี้ ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีอีก 282 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,869 ราย แต่อินโดนีเซียเพิ่งตรวจเชื้อไปแค่ราว 33,600 รายเท่านั้น  ส่วนฟิลิปปินส์มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 20 คนเมื่อวันอังคาร ยอดตายรวมเป็น 335 ศพ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 291  คน ยอดสะสมเป็น 5,223 คน มากที่สุดในอาเซียน ขณะที่มาเลเซียมีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย ยอดรวมเป็น 82 ศพ และผู้ติดเชื้อรายใหม่ 170 ราย ยอดรวมเป็น 4,987 ราย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"