กรมอุตุฯ เตือนพายุฤดูร้อนยังมีผลกระทบต่ออีก 1 วันบริเวณภาคเหนือ กลางและตะวันออก ปภ.เผยเกิดวาตภัยใน 9 จังหวัด เร่งสำรวจความเสียหาย ช่วยผู้ประสบภัย โคราชพายุฤดูร้อนพ่นพิษถล่มพื้นที่ 8 ตำบล เสียหาย 416 หลังคาเรือน เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่นมอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ อ.โนนศิลา
    เมื่อวันที่ 14 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่อง "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 14 เมษายน 2563)" ฉบับที่ 9 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ ระบุว่า บริเวณภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดกับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ
    ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย โดยจะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน ซึ่งจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมีดังนี้ ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย และตาก ภาคตะวันออก : จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคกลาง : จังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
    ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น
    นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลบริเวณความกดอากาศสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และทำให้ในช่วงวันที่ 12 เมษายน 2563-ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี และจันทบุรี รวม 35 อำเภอ 65 ตำบล 118 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 826 หลังคาเรือน ยุ้งข้าว/โรงเรือน/คอกสัตว์ เสียหาย 20 ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
    ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
    ที่จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัด และนายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอจักราช ลงพื้นที่บ้านโจดกระทิง หมู่ 1 ต.คลองเมือง อ.จักราช เพื่อมอบถุงยังชีพผู้ประสบวาตภัย บ้านเรือนพังเสียหาย โดยในพื้นที่ ต.คลองเมืองมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 237 หลังคาเรือน ยุ้งข้าว 58 หลัง คอกสัตว์ 20 คอก รวม 315 หลัง ราษฎรได้รับความเดือนร้อนกว่า 1,000 คน
    ทั้งนี้ อ.จักราชมีพื้นที่ประสบวาตภัยทั้งสิ้น 8 ตำบล บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 416 หลังคาเรือน ในขณะที่ภาพรวมความเสียหายทั้งจังหวัดนครราชสีมามี 6 อำเภอ บ้านเรือนเสียหายกว่า 1,000 หลังคาเรือน
    ที่บ้านหนองแวงน้อย หมู่ 12 ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯ ขอนแก่น พร้อมเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น มอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่ ภายหลังจากที่ทางจังหวัดได้สำรวจความเสียหายทั้งหมด พบว่ามีพื้นที่ 3 ตำบลในพื้นที่ อ.โนนศิลา ที่ได้รับความเสียหาย
    นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า อ.โนนศิลาประสบวาตภัยหนักที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านหัน, ต.โนนศิลา และ ต.โนนแดง รวมทั้งสิ้น 13 หมู่บ้าน 84 ครัวเรือน พร้อมทั้งคอกปศุสัตว์ที่ได้รับความเสียหายอีก 18 หลัง โรงสีข้าว 1 หลัง โรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร 3 หลัง วัด 3 แห่ง และโรงเรียนอีก 2 แห่ง รวมความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 6,350,000 บาท
    "อ.โนนศิลามีบ้านเรือนและสถานที่ราชการได้รับความเสียหายจำนวนมาก หลังจากได้รับรายงานความเสียหาย ทางจังหวัดก็ได้มีความห่วงใยถึงประชาชน จึงนำถุงยังชีพมามอบเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน พร้อมทั้งได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเร่งซ่อมแซมและช่วยเหลือเป็นการด่วน นอกจากนี้ในพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับความเสียหายอย่างเช่นที่ อ.ชนบท ทางจังหวัดเองก็ได้รับรายงานและได้มีการเข้าไปช่วยเหลือทั้งหมดแล้ว" ผู้ว่าฯ ขอนแก่นกล่าว.