14 เม.ย.63- ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการอดีตพรรคอนาคตใหม่ แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ปรัชญาเมธีฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายความคิดเชิงวิพากษ์หลายคน ได้ยกย่องให้ Machiavelli เป็นต้นกำเนิดของความคิดแบบปฏิวัติ โดยนำงานของเขาในส่วนที่ว่าด้วยความขัดแย้งระหว่างขุนนางและสามัญชน มาตีความ เริ่มตั้งแต่ Gramsci ต่อเนื่องมาที่ Althusser จนถึงปัจจุบัน ก็เช่น Negri, Laclau, Mouffe

ใน Discourses on the First Ten of Titus Livy (Discorsi sopra la prima deca di Tito Livio) เล่ม 1 บทที่ 4 และบทที่ 5 Machiavelli ได้พูดถึงความขัดแย้งระหว่างขุนนางกับสามัญชน โดยยืนยันว่า ความขัดแย้งระหว่างสองขั้วนี้เป็นเรื่องปกติในทุกรัฐ และมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะ ผลลัพธ์ของความขัดแย้งจะนำมาซึ่งเสรีภาพ หากไม่มีความขัดแย้งเหล่านี้ ผู้ปกครองหรือขุนนางหรือคนส่วนน้อยก็จะครอบงำควบคุมและลิดรอนเสรีภาพต่อไปได้เรื่อยๆ

จากสองบทนี้ ทำให้ปรัชญาเมธียุคหลัง นำไปใช้อธิบายสนับสนุนให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ต้องลุกขึ้นสู้

“ในทุกรัฐต่างก็มีสองขั้วความขัดแย้ง ด้านหนึ่ง คือ ประชาชน อีกด้านหนึ่ง คือ ขุนนาง บรรดากฎหมายทั้งหลายที่เป็นคุณต่อเสรีภาพล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดจากความขัดแย้งนี้ ...

หากเราสำรวจเป้าหมายของขุนนางและสามัญชนแล้ว เราจะพบว่า ขุนนางปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะครอบงำ แต่สามัญชนปรารถนาที่จะไม่ถูกครอบงำโดยใคร ดังนั้น พวกเขาจึงมีเจตจำนงที่จะดำรงชีวิตอย่างอิสระมากกว่า เมื่อไรก็ตามที่สามัญชนมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้พิทักษ์เสรีภาพ พวกเขาก็จะปกปักรักษาเสรีภาพได้ดีกว่าขุนนางที่มุ่งฉกฉวยแย่งชิงเสรีภาพ เพราะ พวกเขาไม่ต้องการทำลายเสรีภาพของตนด้วยตนเอง และพวกเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะต้องทนทุกข์จากการทำลายเสรีภาพโดยผู้อื่นด้วย”