หลายชาติยุโรปเริ่มหายใจคล่องขึ้น อัตราสังเวยโควิด-19 ชะลอตัวลง สหรัฐเชื่อสถานการณ์ถึงจุดพีกแล้ว คาดเดือนหน้าผ่อนคลายมาตรการได้ จีนกลับมาวิตกเชื้อไวรัสนำเข้าหลังยอดติดเชื้อรายใหม่มากสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ฟิลิปปินส์หนักสุดในอาเซียน ยอดติดเชื้อแซงหน้ามาเลเซียแล้ว
     สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุดทั้งอิตาลีและสหรัฐเริ่มมีสัญญาณในทิศทางบวกมากขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกถึงค่ำวันจันทร์ที่ 13  เมษายน 2563 ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ อยู่ที่มากกว่า 1,859,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 114,983 ราย 
    รายงานของเอเอฟพีเผยว่า อิตาลีและสหรัฐ รวมถึงฝรั่งเศส มีจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอีกในรอบ 24 ชั่วโมง โดยอิตาลีรายงานยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 431 คน เป็นอัตราต่ำสุดในรอบเกินกว่า 3 สัปดาห์นับแต่วันที่ 19 มีนาคม จำนวนผู้เสียชีวิตถึงวันอาทิตย์อยู่ที่ 19,899 คน จากผู้ติดเชื้อสะสม 156,363 คน
     วันเดียวกัน ฝรั่งเศสรายงานว่าจำนวนผู้เสียชีวิต 315 คน ลดลงจากวันก่อนเช่นกัน ยอดเสียชีวิตในประเทศขณะนี้อยู่ที่ 14,393 ราย จากผู้ติดเชื้อสะสม 132,591 ราย อังกฤษเป็นอีกประเทศที่จำนวนผู้เสียชีวิตเกิน 10,000 คนแล้ว แม้จะมีข่าวดีว่านายกฯ บอริส จอห์นสัน ที่ติดโควิด-19 ถึงขั้นนอนไอซียู 3 คืน ได้รับการรักษาจนหายสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว อังกฤษรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ามีคนไข้โควิด-19 เสียชีวิตอีก 737 คน ยอดรวมผู้เสียชีวิต 10,612 คน จากผู้ติดเชื้อสะสม 84,279 คน
     สเปนก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลสเปนในวันจันทร์เผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันลดลงอีก อยู่ที่ 517 คน ยอดเสียชีวิตรวมเกือบ 17,500 ศพ ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,477 คน เป็นอัตราเพิ่มต่ำสุดนับแต่วันที่ 20 มีนาคม ยอดติดเชื้อสะสมในสเปนเกือบ 169,500 ราย ในวันจันทร์ โรงงานอุตสาหกรรม, สถานที่ก่อสร้าง และธุรกิจบางประเภทที่ถูกปิดมานาน 2 สัปดาห์ตามมาตรการปิดกิจการที่ไม่จำเป็น จะเริ่มกลับมาดำเนินการแล้ว แต่นายกฯ เปโดร ซานเชซ เตือนว่าการล็อกดาวน์ประเทศยังห่างไกลจากชัยชนะ
     สหรัฐอเมริกาซึ่งมีประชากรร้อยละ 4.25 ของประชากรโลก แต่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาคิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของทั่วโลก แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อซึ่งทำหน้าที่ที่ปรึกษาของรัฐบาลสหรัฐมาหลายสมัย กล่าวอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่าสถานการณ์การระบาดในสหรัฐอเมริกาอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว และบางพื้นที่ของประเทศอาจเริ่มผ่อนคลายมาตรการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเดือนพฤษภาคม ในช่วงเวลาตามแต่ความเหมาะสมของแต่ละภูมิภาค และไม่ใช่การเปิดเศรษฐกิจแบบทันทีทันใดทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วอย่างน้อย 557,590 ราย เสียชีวิต 22,109 ราย มากที่สุดในโลก 
     ในเอเชีย อิหร่านมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่ 4,585 รายเมื่อวันจันทร์ หลังจากมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 111 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มี 1,617 ราย ยอดสะสมเป็น 73,303 ราย แนวโน้มจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอิหร่านค่อนข้างคงที่และลดลง ตามลำดับ
     ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ เมื่อปลายปีที่แล้ว มาตรการควบคุมเข้มงวดของจีนสามารถรักษาระดับจำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อไว้ได้ติดต่อกันหลายสัปดาห์ แต่มีข้อวิตกเรื่องผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 
    โดยในวันจันทร์ จีนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 108 คน สูงที่สุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ เพิ่มจาก 99 คนในวันอาทิตย์ โดยในจำนวนนี้ 98 คนนำเข้าเชื้อไวรัสจากต่างแดน โดยมณฑลเฮย์หลงเจียงซึ่งอยู่ติดชายแดนรัสเซียกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่ของจีน จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในจีนแผ่นดินใหญ่ถึงวันจันทร์อยู่ที่ 83,213 ราย เสียชีวิต 3,345 ราย
     ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคอาเซียน แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะยังน้อยเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาหรือหลายชาติยุโรป แต่หลายวันที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ยังน่าเป็นห่วงในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเมื่อวันจันทร์ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่มอีก 18 ราย ซึ่งทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศเพิ่มเป็น 315 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มี 284 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 4,932 ราย มากที่สุดในอาเซียนแซงหน้ามาเลเซียแล้ว
     ด้านมาเลเซีย เจ้าหน้าที่รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 134 ราย จำนวนรวมเพิ่มเป็น 4,817 ราย และมีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชาวมุสลิมที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อในประเทศ ส่วนยอดเสียชีวิตรวมเพิ่มเป็น 77 ราย 
     อินโดนีเซียประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่มากถึง 316 รายเมื่อวันจันทร์ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 4,557 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 26 ราย ทำให้ยอดสังเวยโควิด-19 ในอินโดนีเซียมีมากถึง 399 ศพแล้ว.