โฆษก คสช.แจงแทน "ประยุทธ์" ไม่ได้สื่อความหมายจะไม่มีปฏิวัติอีก เจตนาระบุ รธน.ปัจจุบันเปิดช่องเลือกนายกฯ คนนอกได้เพื่อตัดเรื่องการปฏิวัติ    "เพื่อไทย" ไม่เชื่อลมปาก เชื่อนายกฯ คนนอกเกิดยากเพราะต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของรัฐสภาหรือ 500 ของดใช้ รธน.บางมาตราเมื่อถึงทางตันอาจฉีก รธน.อีก "จาตุรนต์" ลั่นหากประยุทธ์เป็นนายกฯ คนนอกเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้าน "จุรินทร์" ชี้เปลี่ยนบทบาท กก.เป็นผู้เล่นเต็มตัวแล้ว 

    เมื่อวันศุกร์ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงกรณีมีหนังสือพิมพ์บางฉบับพาดหัวข่าวเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยืนยันจะไม่มีปฏิวัติอีกว่า    อาจเป็นการแปลความหมายคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งความหมายจริงๆ มีที่มาจากคำถามของสื่อที่ถามเรื่องนายกฯ คนนอก ท่านจึงตอบว่าในปัจจุบันถือว่าเป็นแนวทางที่อยู่ในระบบตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีเจตนาให้การเลือกนายกรัฐมนตรีมีความอ่อนตัว เมื่อเกิดกรณีไม่สามารถเลือกกันเองได้ในสภา รัฐธรรมนูญก็เปิดช่องทางให้สามารถเสนอนายกฯ ที่เป็นคนนอกได้ เพื่ออาจเป็นการตัดเรื่องของการปฏิวัติไปได้  

    พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เชื่อว่าแนวทางนี้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็คงคิดมาเพื่อให้บางอย่างเป็นระบบมีความอ่อนตัว เวลามีอะไรก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งอย่างรุนแรงทั้งในทางการเมืองและในทางสังคมเหมือนเช่นในอดีต ในช่วงก่อนปี 57 ให้สามารถยุติหรือหมดลงไปได้จากสังคมไทยด้วย ถ้าเป็นไปได้คงไม่อยากให้ประเทศเราต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติอีก 

     “เชื่อว่านายกฯ และหัวหน้า คสช.ไม่ได้พูดไปเพื่อให้มีความหมายอย่างที่สื่อบางฉบับไปตัดทอนนำเฉพาะบางส่วนของข้อความไปนำเสนอพาดหัวข่าว ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจสร้างความสับสนได้ ไม่อยากให้มีการฉวยโอกาสตัดนำเฉพาะข้อความที่มีความอ่อนไหวต่อการจุดให้เป็นประเด็นไปพาดหัวข่าว” พ.อ.วินธัยระบุ    

      ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้เสนอนายกฯ คนนอกเพื่อตัดเรื่องการปฏิวัติว่า กติกาตามที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน และไม่เป็นตามครรลองประชาธิปไตยที่เลือกนายกฯ โดยรัฐสภา สมาชิกส่วนหนึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หากไม่สามารถเลือกนายกฯ จากที่พรรคการเมืองเสนอมาได้ เพราะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 376 เสียง เลือกนายกฯ รอบสอง โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาคือ 500 เสียงในการของดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อเปิดโอกาสให้เสนอชื่อคนนอก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ตามกติกาที่เขียนมาใหม่นี้ ก็แก้ไขได้ยากมาก  เมื่อมาถึงทางตันก็อาจต้องฉีกรัฐธรรมนูญอีก 

ถึงทางตันปฏิวัติอีก

    "ท่านบอกว่าการใช้รัฐสภาเลือกนายกฯ คนนอกเพื่อป้องกันการปฏิวัตินั้น สุดท้ายถ้าเจอทางตันและไม่มีทางออก เพราะกติกาไม่เป็นตามหลักประชาธิปไตย ประเด็นนี้อาจเป็นเงื่อนไขทำให้ต้องปฏิวัติเพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ระบุว่าเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหารนั้น หากจะเป็นนักการเมืองตามระบบประชาธิปไตยเข้าสู่การเลือกตั้งให้ประชาชนเลือก ก็พร้อมยอมรับ ดีกว่าการเข้ามาด้วยอำนาจพิเศษ" นายสามารถกล่าว 

    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีกับดักการบริหารประเทศไว้หลายอย่าง เช่น ยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลต่อไปต้องเดินตามอำนาจของส.ว.แต่งตั้งที่มีส่วนในการเลือกนายกฯ การปฏิรูปประเทศที่วันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เหล่านี้จะทำให้การบริหารประเทศเป็นไปได้ยาก ที่สำคัญรัฐธรรมนูญปัจจุบันก็แก้ไขได้ยากมาก ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการเสนอให้เป็นนายกฯ อีกสมัย แต่การบริหารประเทศจะเป็นไปได้ยาก เพราะจะถูกเสียงคัดค้านการบริหารในสภา การออกกฎหมายต่างๆ จะไม่ง่ายเหมือนในปัจจุบัน 

    "ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีว่าการบริหารประเทศด้วยรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะทั้งประชาชนและนักลงทุนไม่เชื่อมั่น ดังนั้นจึงกล้าพูดว่าต่อไปจะไม่มีการปฏิวัติอีก แต่วันนี้พ้นตำแหน่งที่จะใช้อำนาจของทหารในการจะยึดอำนาจแล้ว หากวันหนึ่งประเทศติดกับดักรัฐธรรมนูญที่แก้ได้ยาก และความขัดแยงที่ยังไม่ได้แก้ไข จะมั่นใจได้อย่างไรว่าทหารคนอื่นจะไม่เลือกวิธีฉีกรัฐธรรมนูญอีก"

     นายวรชัยกล่าวว่า ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์เคยประกาศจะไม่ยึดอำนาจ สุดท้ายก็ทำประกาศจะไม่สืบทอดอำนาจ แต่วันนี้ก็พูดเรื่องนายกฯ คนนอกเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงมีการเดินสายพบกลุ่มการเมืองที่เคยเปลี่ยนขั้วเพื่อได้เข้าสู่อำนาจ ถือเป็นการแบะท่าชัดเจนว่ากำลังตั้งก๊วนทางการเมืองเพื่อเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง

    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์แสดงความเห็นทางการเมืองประเด็นการยอมรับว่าเป็นนักการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า เป็นหัวหน้ารัฐบาลเผด็จการทหารมา 3 ปีกว่า ปีใหม่ผ่านไปได้แค่ 3 วัน พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่ไม่ปิดบังอ้อมค้อมว่าจะเป็นนายกฯ คนนอก พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีรัฐประหารอีกแล้ว ปีจอช่างดีอะไรเช่นนี้ ปลายปีที่แล้วยังว่านักการเมืองเลวทรามอยู่เลย ปีนี้นักการเมืองกลายเป็นคนดีเสียแล้ว เลวเพราะ พล.อ.ประยุทธ์พูดอยู่ฝ่ายเดียวว่าเลว ตอนนี้ดีเพราะ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นด้วย เยี่ยมจริงๆ    

    "วันนี้บอกจะไม่มีรัฐประหารอีกแล้ว เพราะคนนอกสามารถเป็นนายกฯ ได้ตามระบบ แต่คนนอกต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ล่ะ ไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน เข้าใจรึยังล่ะที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าไม่ตัดทางตัวเองที่จะเป็นนายกฯ คนนอก และเมื่อมีนายกฯ คนนอกตามระบบ ก็จะไม่มีการปฏิวัติอีกแล้ว ก็คือคำขู่ดีๆ นี่เอง ปัญหาของ พล.อ.ประยุทธ์ในการจะเป็นนายกฯ คนนอกก็คือ ประชาชนจะว่าอย่างไร และจะหา ส.ส. 250 คนมาจากไหน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ คนนอก ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน" นายจาตุรนต์ระบุ

เปลี่ยนเป็นผู้เล่นเต็มตัว

      นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทวีตกรณี พล.อ.ประยุทธ์ประกาศไม่ปิดโอกาสเป็นนายกฯ คนนอกว่า เป็นเรื่องดีที่ยอมรับว่าท่านเป็นนักการเมืองแล้ว จะได้ชัดเจนและเลิกคลุมเครือเสียที  ตัวท่านเองก็จะได้แสดงบทบาทนักการเมืองได้เต็มที่โดยไม่ต้องเหนียมอายหรือครึ่งๆ กลางๆ อีกต่อไป เชื่อว่าจากนี้หลายฝ่ายก็คงสนใจติดตามว่าบทบาทในฐานะนักการเมืองของท่านจะเป็นอย่างไร จะเป็นนักการเมืองแบบไหน ต่างจากนักการเมืองที่ถอดเครื่องแบบออกมาเล่นการเมืองในอดีตหรือนักการเมืองที่ท่านเคยวิจารณ์หรือไม่ อย่างไร     

    "ส่วนการประกาศไม่ปิดประตูตัวเองที่จะเป็นนายกคนนอกนั้น ก็สอดรับกับการออกมาประกาศตัวเป็นนักการเมืองชัดเจน ว่าเป้าหมายการประกาศตัวเป็นนักการเมืองคืออะไร และชี้ให้เห็นว่าจากนี้ไป ท่านได้เปลี่ยนบทบาทจากกรรมการมาเป็นผู้เล่นเต็มตัวแล้ว" นายจุรินทร์ระบุ

    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับครั้งแรกว่าตนเป็นนักการเมือง ว่าเราตื่นเต้นเกินกว่าเหตุกับคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ไปหรือไม่ เพราะเป็นแค่คำพูด อยากให้ดูที่การกระทำดีกว่า เหมือนที่เคยเปรียบเทียบเสมอว่า ดูหนังสืออย่าดูแค่ปก ขอให้อ่านสาระเนื้อหาข้างในด้วย เพราะหน้าปกอาจเป็นหนังสือธรรมะ แต่เนื้อในอาจเป็นหนังสือโป๊ก็ได้ ดังนั้นท่านจะพูดว่าเป็นอะไรก็ให้ท่านพูดไป การพูดของ พล.อ.ประยุทธ์วันนี้ จึงเป็นเพียงแต่การพูดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองในอนาคต ที่มองแล้วว่าจะได้อะไรในอนาคต 

    "แต่ในเมื่อประกาศตัวว่าเป็นนักการเมืองต่อสังคมไว้แล้ว ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ระวังว่าต่อจากนี้ท่านต้องพร้อมยอมรับการตรวจสอบทางการเมืองด้วย เพราะนักการเมืองอยู่ได้ด้วยการไว้วางใจจากประชาชน ไม่เหมือน ผบ.ทบ.หรือข้าราชการ ที่อยู่ได้โดยไม่ต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เมื่อประกาศว่าเป็นนักการเมือง ก็ต้องใช้หลักเกณฑ์เดียวกับนักการเมือง ใช้จริยธรรมของนักการเมืองเป็นหลัก คือต้องพร้อมยอมรับการตรวจสอบ ตนจึงไม่ตื่นเต้นอะไร ขอให้ดูการกระทำดีกว่าว่าเขาทำอะไรอย่างไร" นายนิพิฏฐ์กล่าว

     นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าตัวเองเป็นนักการเมืองและไม่ปฏิเสธนายกฯ คนนอกว่า เป็นเรื่องที่ต้องรอดูต่อไปว่านายกรัฐมนตรีจะยอมรับในการเสนอชื่อหรือไม่ และจะยินยอมให้พรรคใดเสนอชื่อ แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่รู้สึกกังวลกับท่าทีดังกล่าว เพราะเส้นทางไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขอไม่ตอบว่าหากพรรคทหารได้รับการเลือกตั้งเสียงข้างมาก และได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคชาติไทยพัฒนาจะร่วมด้วยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ยังมา

จับตาร่าง พรป. 2 ฉบับ

    ส่วนโรดแมปการเลือกตั้งนั้น นายนิกรกล่าวว่า ยังเป็นไปตามเดิม แต่กังวลเรื่องวันและเวลาตามคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ซึ่งกำหนดให้พรรคการเมืองเก่าตรวจสอบสมาชิกภาพของพรรค หาทุนประเดิมพรรค นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ว่า ขอให้จับตาการพิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้าย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะมีผลต่อโรดแมปเลือกตั้ง โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะนำเข้าที่ประชุม สนช.พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ในสัปดาห์หน้า ทั้งที่ยังไม่เคยนำมาสอบถามความคิดเห็นจากพรรคการเมืองในฐานะผู้ปฏิบัติเลย ขอเรียกร้อง สนช.เปิดเผยรายละเอียดร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าว

    “ผมมีข้อสังเกตในเนื้อหา แต่ไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะเกรงจะเข้าทางผู้ที่อยากทำให้เกิดปัญหา ซึ่งจะทำให้เสียการใหญ่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยอมลำบากและรับสภาพ เพราะเรายอมให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปไม่ได้ ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เพราะอยากเลือกตั้ง อยากให้อำนาจกลับคืนสู่ประชาชน บ้านเมืองจะเดินหน้าไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน” นายนิกรกล่าว

    นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่าตนเองไม่ใช่ทหารแล้ว แต่เป็นนักการเมืองว่า ความจริงคุณเป็นนักการเมืองมานานแล้ว เป็นมาตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน ปี 2557 พูดออกมาชัดๆ อย่างนี้ก็ดีแล้ว อยากจะเป็นนายกฯ ต่อไปอีก ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ขอให้ลงสู่สนามเลือกตั้งอย่างแฟร์ๆ อย่าไปทำผิด กม.เสียเอง (ไม่โกงการเลือกตั้ง) อย่าเอาเปรียบพรรคการเมืองและนักการเมืองคนอื่น อย่าเดินสายหาเสียงในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่คุณเป็นนักการเมืองที่ได้เปรียบคนอื่นอย่างมาก เพราะคุณคือหัวหน้า คสช. ที่ใช้ ม.44 ได้คนเดียว

    นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า ขอท้าเดิมพันกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ว่า การเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแมปในเดือนพฤศจิกายนปี 2561 จริงหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ จากร่องรอยการทำหน้าที่ของ สนช.ที่ไร้ความจริงใจต่อการปฏิรูปประเทศผ่านการตรากฎหมาย และยังพร้อมจะรับนโยบายจาก คสช. ไม่ว่าจะขัดหรือแย้งต่อกฎหมายของบ้านเมืองหรือสัญญาประชาคมเช่นใด

    นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอของนายพิชัย รัตตกุล ให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายพิชัยเป็นผู้ใหญ่ มีความปรารถนาดี อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีการพูดคุยเรื่องนี้ ยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณาจับมือกับพรรคใด และการทำงานร่วมกันต้องคำนึงถึงอุดมการณ์และนโยบายด้วยว่าไปด้วยกันได้หรือไม่ และที่สำคัญต้องฟังเสียงสมาชิกของพรรคและเคารพเสียงประชาชนในการเลือกตั้งด้วย และยังไม่ถึงเวลาว่าจะพิจารณาจับมือกับพรรคการเมืองใด

    ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วงเช้า  เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่กระทรวงยุติธรรม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มากระทรวงยุติธรรมก็ใกล้กับศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าที่เข้ามาไม่ได้หวังอะไร แต่จะทำให้เกิดความยุติธรรม ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลความยุติธรรม ตอนนี้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มีกฎหมายใหม่มากขึ้น ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันดูแล จะปล่อยให้มีปัญหาแบบเดิมๆ เกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว อยู่ที่เราทุกคนต้องช่วยกัน สัญญากับตนแล้วนะว่าจะช่วยกัน.