13 เม.ย.63- เพจอนาคตใหม่ - Future Forward โพสต์ข้อความ ย้อนอดีต ช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ธนาธร-อนาคตใหม่ไปหลายจังหวัดอีสาน โดยระบุรายละเอียดว่า
‘ดอกคูนเหลืองตระการ เสียงแคนกังวานแว่ว...’ ปีนี้นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ลูกหลานคนอีสานคงไม่ได้กลับไปเห็น คงไม่ได้กลับไปได้ยิน เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในทุกพื้นที่
นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ซึ่งโดยปกติจะเป็นวันหยุด เป็นโอกาสให้ครอบครัวญาติมิตรได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หากแต่ปีนี้ยังคงเป็นวันทำงานตามปกติ
เราจึงขอนำภาพความสนุกสนาน ความประทับใจ ช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ยังอยู่ในความทรงจำมาให้ได้ชมกันแทน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมทีมงานอนาคตใหม่ เดินทางไปพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดในเดือนเมษายน 2561 ภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ตะลุยไปตั้งแต่ หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และมาปิดท้ายที่นครราชสีมา
ระหว่างการเดินทาง “ธนาธร” แวะเล่นน้ำสงกรานต์ที่ ถ.ข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น แม้ตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่จะเพิ่งยื่นจดจองชื่อพรรคได้เพียง 1 เดือน ยังไม่ได้เป็นพรรคอย่างเป็นทางการเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีคนรู้จักเข้ามาทักทายธนาธร และให้กำลังใจทีมงานเป็นจำนวนมาก
บทสรุปสำคัญจากการเดินทางไป “อีสาน” ครั้งนั้น ยิ่งย้ำชัดว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องปฏิรูประบบราชการขนานใหญ่ ซึ่งต่อมา ความคิดนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ในชื่อ “ยุติระบบราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจ กระจายคน กระจายงบ” เพราะอนาคตใหม่เชื่อว่า “ท้องถิ่น” เป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศที่สำคัญที่สุด ซึ่งประเทศไทยละเลยมานาน ถ้าทำให้มีสถานะ ศักดิ์ศรี เท่าเทียมกันกับส่วนกลาง เชื่อว่าประเทศจะเจริญพัฒนาไปกว่านี้มาก
ธนาธรเล่าถึงความรู้สึกจากการเดินทางไปภาคอีสานเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปีของเขาว่า มีทั้งสิ่งที่เปลี่ยนไป เช่น ภาคการเกษตร ไม่มีการใช้ควายไถนา ไม่มีการลงแขกเกี่ยวข้าว แต่ใช้เครื่องจักรเข้ามาทำหน้าที่แทน และสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก นั่นก็คือ ความเหลื่อมล้ำอย่างมหาศาลระหว่างเมืองกับชนบท ในตอนนั้นธนาธรย้ำว่าการเข้าสู่สนามการเมืองของเขา ไม่ใช่เพราะต้องการฐานเสียง แต่ต้องการมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องการทำให้ประเทศไทยดีขึ้น แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์ พร้อมๆ กับสร้างประชาธิปไตยจากพื้นฐาน ทำให้ประชาชนเห็นว่าอำนาจ งบประมาณ ประชาธิปไตย และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนเป็นเรื่องเดียวกัน
สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่อยากเห็น คือ การดึงภาษีให้ท้องถิ่นนำมาบริหารได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องนำไปรวมที่ส่วนกลางแล้วค่อยแบ่งกลับมาให้ท้องถื่นอีกครั้ง ท้องถิ่นควรจัดเก็บภาษีได้เองและใช้ได้เอง พื้นที่ในภาคอีสานมีศักยภาพในการสร้างสรรค์เศรษฐกิจ แต่โอกาส อำนาจ การเข้าถึงแหล่งทุน กลับถูกรวบ และดึงกลับไปให้อำนาจการตัดสินใจรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง ทำให้ท้องถิ่นไม่มีโอกาสในการกำหนดอนาคตของตัวเอง
ที่ จ.ขอนแก่น ธนาธรและทีมอนาคตใหม่ได้พูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นและนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มานำเสนอแผนการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะด้านการคมนาคม มีการตั้งบริษัทขึ้นเพื่อศึกษาและจัดทำเรื่องนี้ โดยได้ข้อสรุปว่ารูปแบบการคมนาคมที่ตอบโจทย์คนในเมืองคือรถไฟรางเบา แต่ทว่ากว่าทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ ต้องขอใบอนุญาตจากราชการส่วนกลางในกรุงเทพฯ มากมาย ไม่ว่าจะจากกระทรวงมหาดไทย จากกระทรวงคมนาคม ฯลฯ รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 4 ปีในการขอใบอนุญาตเท่านั้น ทั้งที่ความตั้งใจของทุกคนมีพร้อม งบประมาณมีพร้อม ความรู้ความสามารถมีพร้อม ขาดก็แต่อำนาจในการตัดสินใจ ทำให้ทุกอย่างล้าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือสิ่งที่ส่วนกลางทำหรือตัดสินใจหลายๆ ครั้ง กลับไม่ตอบโจทย์ประชาชนในท้องถิ่น
ปัญหาของคนในท้องถิ่น ปัญหาของคนในพื้นที่ รัฐราชการส่วนกลางจะมารู้ดีไปกว่าคนในท้องถิ่น คนในพื้นที่ได้อย่างไร
วันนี้แม้ไม่มีพรรคอนาคตใหม่แล้ว แต่ก็มั่นใจได้ว่านโยบาย “ยุติระบบราชการรวมศูนย์: กระจายอำนาจ กระจายคน กระจายงบ” จะได้รับการสานต่อโดย #พรรคก้าวไกล ภารกิจและอุดมการณ์ถูกส่งต่อ เพื่อทำให้ความเหลื่อมล้ำหดแคบลงและหายไปในที่สุด เพื่อทำให้ทั่วประเทศไทยเติบโตและพัฒนาไปอย่างเท่าเทียมกัน อำนาจที่แต่เดิมเป็นของท้องถิ่นอยู่แล้วต้องถูกส่งคืนกลับไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |