พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีมีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดโดยออกนอกเคหสถานในเวลาห้ามในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 23.40น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ถนนโพนทอง-กุฉินารายณ์ หมู่ที่ 3 ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ได้พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมี ส.ต.อ.พิทักษ์ พลโยราช เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด เป็นผู้ขับขี่ โดยมีภรรยานั่งโดยสารคู่มาด้วย เจ้าหน้าที่ได้เรียกให้หยุดและขอทำการตรวจสอบ

จากการตรวจค้นภายในรถพบ หน้ากากอนามัย 3 ลัง จำนวน7,500 ชิ้น สอบถามเบื้องต้น ส.ต.อ.พิทักษ์ ให้การว่าตนและภรรยาเดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหารและกำลังจะกลับที่พักในตัวจังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงที่มาของหน้ากากอนามัยแต่ ส.ต.อ.พิทักษ์ ให้การบ่ายเบี่ยง จึงได้ตรวจยึดหน้ากากอนามัยไว้เป็นของกลาง และจับกุมตัว ส.ต.อ.พิทักษ์ และภรรยา นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้วและได้สั่งการไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้ตรวจสอบโดยละเอียดถึงที่มาของหน้ากากอนามัยและมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด รวมถึงเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนด้วยหรือไม่ หากพบความผิดให้ดำเนินคดีทุกข้อหา เช่น ความผิดเกี่ยวกับการมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินกำหนด หรือการกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ นอกเหนือจากความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้ว รวมทั้งให้พิจาณาโทษทางการปกครองและวินัยอย่างถึงที่สุดเพื่อไมให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ได้สั่งการไปยังข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชนและหน่วยงานอื่นในการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบข้าราชการตำรวจกระทำผิดเสียเองจะลงโทษสถานหนัก ทันี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้กวดขัน ความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ใต้บังคับบัญชา