โฆษกก้าวไกล วอนรัฐบาลทบทวนเยียวยา 9 ล้านคน 6 เดือน ใช้เงิน 270,000 ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นเยียวยาถ้วนหน้าจะดีกว่าไหม


เพิ่มเพื่อน    

9 เม.ย.63 - นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณีรัฐบาลออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีเนื้อหาดังนี้

เยียวยา 9 ล้านคน 6 เดือน ใช้เงิน 270,000 ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็น เยียวยาถ้วนหน้า ได้ทุกคน 14.5 ล้านคน 3 เดือน ยังเหลือเงินอีก 52,500 ล้านบาท ไว้เก็บตก จะดีกว่าไหม

ตามที่ผม และพรรคก้าวไกล ได้เคยประเมินเอาไว้ว่า จำนวนแรงงานทั้งหมดในปัจจุบันที่มีอยู่ 38.4 ล้านคน มีแรงงานอกระบบอยู่ทั้งสิ้น 18.7 ล้านคน โดยอยู่ในภาคบริการ และภาคการผลิต ที่ถือได้ว่า ต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบจากโควิด-19 แบบเต็มๆ รวมกันอยู่ที่ 9.5 ล้านคน และเมื่อรวมกับแรงงานในระบบประกันสังคม ที่ยังไม่ได้รับสิทธิการคุ้มครองการว่างงานอีกประมาณ 5 ล้านคนเศษ นั่นหมายความว่า จำนวนประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องการการเยียวยามีทั้งสิ้นประมาณ 14.5 ล้านคน

การที่รัฐใช้ระบบการลงทะเบียน และคัดเลือกที่จะช่วยเหลือเพียง 9 ล้านนคน ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์อย่างไร หรือระบบในการคัดเลือกอย่างไร ก็ต้องมีคนที่ควรช่วยเหลือ แต่ตกสำรวจอยู่บ้าง (Exclusion Error) ซึ่งรัฐอาจจะไม่มีเงินที่จะช่วยเหลือเก็บตก คนที่ตกสำรวจเหล่านี้อีกแล้ว

ยิ่งการที่รัฐบาลใช้เกณฑ์อาชีพ โดยเหมารวม คนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ทุกคน ว่าเป็นคนที่ไม่มีความเดือดร้อน และตัดสิทธิ์การได้รับการเยียวยาจากรัฐ ทุกคนที่ประกอบอาชีพนั้น (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/874758) ผมคิดว่า นี่เป็นระบบคัดเลือก ที่ไม่รอบคอบ และเป็นการตัดประชาชนกลุ่มหนึ่งทิ้งไป โดยไม่เหลียวแลพวกเขาอีกเลย ซึ่งขัดกับชื่อมาตรการ "เราไม่ทิ้งกัน" อย่างสิ้นเชิง

จากข่าวที่ยืนยันว่า (https://positioningmag.com/1272105) รัฐบาลยืนยันตัวเลขการเยียวยาที่ 9 ล้านคน โดยขยายระยะเวลาในการช่วยเหลือเป็นเดือนละ 5,000 บาท 6 เดือน (แทนที่จะเป็น 3 เดือน ตามประกาศก่อนหน้านี้) นั้นเท่ากับว่า รัฐบาลได้ทอดทิ้งประชาชนไปถึง 5.5 ล้านคน หรือประมาณ 8.33% ของทั้งประเทศ

ผมจึงขอเรียกร้องอย่างจริงจัง ให้รัฐบาลทบทวนมาตรการดังกล่าวนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะหากประเมินงบประมาณที่ต้องใช้ในการเยียวยาประชาชน หากเยียวยา 9 ล้านคน เป็นระยะเวลา 6 เดือน รัฐบาลต้องใช้งบประมาณอยู่ที่ 270,000 ล้านบาท และยังมีประชาชนที่เดือดร้อน ต้องร้องขอความช่วยเหลือ โดยที่รัฐบาลไม่อาจที่จะช่วยอะไรได้อีก ถึง 5.5 ล้านคน ผมคิดว่าเป็นอะไรที่จะทำให้คนทั้งประเทศอยู่ในสภาพที่โศกเศร้า เสียขวัญ และไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการผ่านพ้นวิกฤติการณ์นี้ไปด้วยกัน

จะดีกว่าหรือไม่ ที่รัฐบาลจะเยียวยา 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยเยียวยาแบบถ้วนหน้าา ที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคน จำนวน 14.5 ล้านคน ได้รับการเยียวยา ซึ่งกรณีนี้ รัฐบาลจะใช้งบประมาณเพียง 217,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าถึง 52,500 ล้านบาท

ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณเหลือเพื่อใช้เยียวยาประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ตกสำรวจ และเยียวยาเพิ่มเติมในกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น

การเข้าใจหัวอกประชาชนรากหญ้า ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ หากรัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจตามชุมชน ได้ไปพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขาย คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่หาบเร่ ขายของ หรือรับจ้างทั่วไปตามชุมชน มีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยนะครับ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนของรับการเยียวยาในครั้งนี้ ด้วยเหตุที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ

ซึ่งรัฐบาลจะได้พิจารณาใช้งบประมาณที่เหลืออยู่อีก 52,500 ล้าน ไว้ใช้เก็บตกเยียวยา เพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจได้ว่า พวกเราประชาชนคนไทยทุกๆ คนที่เดือดร้อน ได้รับการโอบอุ้ม และพยุงกัน เพื่อฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งให้มีคนอีกตั้ง 5.5 ล้านคน ร้องไห้เสียใจ อยู่เบื้องหลังของพวกเรา เสียงร้องไห้ ไม่อาจทำให้เราเดินหน้าต่อไป โดยไม่อาจเหลียวหลังมามองดูพวกเขาหรอกนะครับ

ทบทวนด้วยครับ ผมขอร้องจริงๆ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"