ของแบบนี้เป็นเรื่องของจิตสำนึก


เพิ่มเพื่อน    

 

      แน่นอนว่าหลายประเทศเวลาที่ประชาชนเดือดร้อน ประเทศกำลังประสบปัญหาระดับมรสุมลูกใหญ่ คนเดือดร้อนแสนสาหัส ประชาชนส่วนใหญ่ก็มักจะทวงถาม จี้ต่อมสปิริตของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งให้แสดงสปิริตให้ประชาชนได้เห็น นั่นก็คือ กลุ่มนักการเมือง โดยเฉพาะบรรดา นักเลือกตั้ง ที่ปากมักอ้างว่าพร้อมทำเพื่อประชาชน-พร้อมเสียสละเพื่อประชาชน อย่างในปัจจุบันที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังประสบปัญหาประชาชนติดเชื้อ-ป่วยจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าว ส.ส.-นักการเมือง ประกาศไม่รับเงินเดือน หรือไม่ก็บอกจะนำเงินเดือน-เงินประจำตำแหน่ง ส.ส.ทั้งหมดที่ได้แต่ละเดือน แยกเป็น เงินเดือน 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวม 113,560 บาท มาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งของตัวเองที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่เสียรายได้จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งก็มี ส.ส.หลายพรรคแสดงท่าทีเรื่องนี้ผ่านพื้นที่ส่วนตัวอย่างเฟซบุ๊กของตัวเองออกมาเป็นระยะ กระจายตามจังหวัดต่างๆ ที่มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ก็มักทำในนามส่วนตัวมากกว่า

        ทว่าในช่วงสัปดาห์นี้มีการเคลื่อนไหวของ ส.ส.และแกนนำสภาสูงที่ต้องการให้มีการทำเรื่องนี้แบบเป็นกิจจะลักษณะ เช่น สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมด เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย แต่เสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและฟื้นฟูสังคม เศรษฐกิจ จากผลกระทบของโรคโควิด-19 จึงถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการการเมืองทั้งหมดควรเสียสละเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ด้วยการไม่รับเงินเดือนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

      "สมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส.และ ส.ว. จำนวน 750 คน คิดกลมๆ เฉลี่ยที่คนละ 120,000 บาท หากไม่รับเงินเดือน นำมาช่วยประเทศชาติในการทำสงครามสู้กับโรคโควิด-19 จะได้เงินประมาณเดือนละ 90 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือนของบรรดาที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรี, อบจ., อบต. และส่วนอื่นๆ อีกมาก ซึ่งหากตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมดจะมีเงินไปใช้ช่วยเหลือประชาชนผ่านความยากลำบากครั้งนี้หลาย 1,000 ล้านบาทต่อเดือนอย่างแน่นอน" ข้อเสนอจาก ส.ส.พลังประชารัฐ

        จากนั้นตามมาด้วยการเคลื่อนไหวของฝ่าย ส.ว. ที่ก็ทำเรื่องนี้แบบจริงจังเช่นกัน โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ทำหนังสือถึงสมาชิกวุฒิสภาทุกคน โดยระบุว่า ตามที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ เพื่อให้ ส.ว.ได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าวของประเทศ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ประชุมหารือร่วมกับ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร และศุภชัย สมเจริญ สองรองประธานวุฒิสภา และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานวิปวุฒิสภา จนมีความเห็นว่า ส.ว.ทุกคนควรมีบทบาทร่วมกันในนามของวุฒิสภา เพื่อที่จะหาหนทางช่วยกันคลี่คลายและแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าวของประเทศ

        หนังสือดังกล่าวระบุว่า "โดยจะได้ขอความร่วมมือจากสมาชิก ส.ว.ทุกคนร่วมกันบริจาคเงินขั้นต่ำคนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นกองทุนบรรเทาทุกข์ประชาชนในนามของวุฒิสภา โดยจะมีการหักเงินจำนวนดังกล่าวจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งประจำเดือนเมษายน 2563 ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับเงินบริจาคจะได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในรายละเอียดตามความเหมาะสมต่อไป"

        ทั้งนี้ ส.ว.ก็มีเงินเดือน 71,230 บาท และเงินเพิ่ม 42,330 บาท รวม 113,560 บาท เท่ากับ ส.ส.เช่นเดียวกัน

        อันพบว่า ข้อเสนอเรื่องการให้ ส.ส.และผู้ช่วยดำเนินงานทางการเมืองของ ส.ส. ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ-ผู้ชำนาญการ และผู้ช่วย ส.ส. ที่จะมีด้วยกันรวมแล้วไม่เกิน 8 คน ไม่ต้องรับเงินเดือนในช่วงนี้ เพื่อให้รัฐบาลมีเงินในหน้าตักมากขึ้นในการนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากวิกฤติโควิด ตลอดจนข้อเสนอให้มีการหักเงินเดือน ส.ว.ที่มีด้วยกัน 250 คน โดยหักคนละ 5 หมื่นบาท จะเท่ากับ 12,500 บาท ก็มีทั้งเสียงคัดค้าน-สนับสนุนจาก ส.ส.และ ส.ว.

        โดยสุ้มเสียงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอ้างเหตุต่างๆ อาทิ เป็นเพราะที่ผ่านมา ส.ส.-ส.ว.ได้ลงพื้นที่พบประชาชนตลอด มีการนำหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ ไปแจกให้ประชาชนอยู่ต่อเนื่องอยู่แล้ว และยังเป็นการช่วยแบบถึงตรงประชาชนจริงๆ โดยเฉพาะ ส.ส.เขต มีการอ้างเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการหักเงินเดือน ส.ส.ไปช่วยโควิด-19 ไว้ว่า เพราะช่วงนี้อยู่ในพื้นที่เลือกตั้งตลอด มีการช่วยเหลือไปมากแล้ว และยังมีภาระค่าใช้จ่ายในพื้นที่เกือบทุกวันอีก จึงไม่ควรใช้มาตรการบังคับ เป็นต้น

      สรุปสุดท้าย เชื่อได้ว่าประชาชนจำนวนไม่น้อย จริงๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับ ส.ส.-ส.ว. ให้เข้ามาเสียสละช่วยประชาชน เพราะประชาชนขอแค่ให้ ส.ส. ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ส.ว. ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมเกียรติ สร้างประโยชน์ต่อประเทศและส่วนรวม แค่นี้ประชาชนก็พอใจแล้ว ไม่ต้องมาควักกระเป๋า แคะกระปุกออมเงิน ช่วยเหลืออะไรมาก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"