ริมฝั่งเจ้าพระยา..........

      ไล่จากสะพาน "สมเด็จพระปิ่นเกล้า" ย้อนขึ้นไป

      "สัปปายะสภาสถาน"

      "รัฐสภาแห่งใหม่" บริเวณเกียกกาย

      ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสาน "เทคโนโลยีกับจิตวิญญาณไทย"

      เมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ณ โค้งสายน้ำด้านเหนือของเจ้าพระยา

      สัปปายะสภาสถานแห่งนี้

      จะเด่นด้วยงามสงบ "เอกลักษณ์ไทย" บ่งบอกยุคสมัย

      รองจาก........

      พระปรางค์วัดอรุณฯ พระบรมมหาราชวัง ทางฝั่งเจ้าพระยาด้านใต้

      "ธีรพล นิยม"

      ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรม คือผู้ออกแบบรัฐสภา ที่กำลังก่อสร้างขณะนี้

      และกำลัง "ร้อน" ด้วยร้อยปัญหา ๓ ฝ่าย คือ "รัฐสภา" ผู้จ้าง

      "บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)" ผู้รับจ้าง

      และ ผู้ออกเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด คือ "ประชาชน"!

      ตามสัญญา จะเสร็จในเดือนพฤศจิกา ๕๘

      แต่ด้วย "ร้อยปัญหา" ดังว่า ถึงขณะนี้ ปี ๖๑ ยังไปไม่ถึงครึ่ง ต้องขยายเวลาครั้งแล้ว-ครั้งเล่า งบงอกตามไปเรื่อยๆ

      รัฐสภา "ผู้ให้สัญญา" ไม่ผิด "ผู้รับสัญญา "ซิโน-ไทย" ก็ไม่ผิด

      "ไอ้ปื๊ด" เท่านั้น ที่ผิด!?

      ประเด็นตรงนี้ อยากใช้เป็นข้อสังเกตการประมูลงานในระบบ "ราชการไทย"

      ขยิบตา "เอางาน-ให้งาน" กันไปก่อน

      แล้วค่อยไปอ้างเหตุต่อรอง "เพิ่ม-ลด-ขยาย" สัญญากันภายหลัง

      จากกรณีนี้...........

      จับตาให้ดี คลื่น ๙๐๐ ที่ AIS กับ TRUE แย่งกันประมูลได้ไป กำลังเจริญในรอยระบบ "ราชการไทย"

      ได้แล้ว อ้างโน่น-อ้างนี่ จะให้รัฐบาล โดย "นายกฯ ประยุทธ์" ใช้ ม.๔๔ อุ้ม ขยายเวลา.......

      ขอแบ่งจ่าย "ค่างวดสุดท้าย" ไป ๕ ปี!

      ๕ ปี ในยอดเงินรายละ ๖ หมื่นกว่าล้าน ขอจ่ายดอก ๑.๕% ต่อปี

      ถามว่า กับทีชาวบ้าน "ผิดนัดชำระ" พวกค่ายมือถือมันเคยผ่อนผันอะไรให้มั้ย?

      ยิ่งพวกแบงก์ด้วยแล้ว ผิดชำระปุ๊บ มันเอาปั๊บ ร้อยละ ๒๐!

      แต่นี่ AIS กับ TRUE จะขอ ๑.๕%

      ถ้านายกฯ ตกลงอุ้ม.......

      ด้วยยอดเงิน ๒ เจ้ารวม ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท จ่ายดอกให้รัฐ ร้อยละ ๑.๕/ ปี เป็นเวลา ๕ ปี

      แบงก์ที่ค้ำประกันยอด ๑๒๐,๐๐๐ ล้าน จ่ายดอก ๑.๕ แล้วเอาต้น "แสนกว่าล้าน" ที่ยังไม่ต้องจ่ายนั้น

      ไปปล่อยกู้ตลาด.........

      อย่างเมตตา-กรุณา-มุทิตา-อุเบกขา ก็ร้อยละ ๗!

      ฟันส่วนต่างกำไร ๕.๕

      ๕.๕ จากยอดเงินแสนกว่าล้าน เป็นเท่าไหร่ต่อปี รวม ๕ ปีเป็นเท่าไหร่?

      ใครอยากติดคุก มาตรา ๑๕๗ ใช้อำนาจหน้าที่ "เอื้อนายทุน" เหมือน "ไอ้เบื๊อกกับอีบ้า" นั่น

      ก็..."เอาเลย"!

      "กฎหมาย-สัญญา" มีเอาไว้บังคับใช้ ไม่ใช่มีเอาไว้ "ยกเว้น-ขยาย" ประเคนนายทุน

      เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ระบบราชการไทย จึงโด่งดังว่า "แดกทั้งชาติ" ไปทั่วโลก!

      กลับมาเรื่องรัฐสภาแห่งใหม่ต่อ........

      วันก่อน เห็นเขานำปัญหาไปถกและเถียงกันที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์

      ตามข้อเท็จจริง ที่ล่าช้าไป ๓-๔ ปี โทษผู้รับเหมาฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะระบบราชการ โดยรัฐสภา

      เป็นฝ่าย "ผิดเงื่อนไข" ด้านส่งมอบพื้นที่ ที่ต่างรู้อยู่แก่ใจกันก่อนแล้ว

      นำไปสู่การ "สมประโยชน์" ซึ่งกันและกัน!

      แต่วันนี้ ผมไม่พูดประเด็นนั้น อยากพูดประเด็นงาน "ระบบไอที" ที่อดีต ส.ส.เขาตั้งข้อสังเกต ว่า

      งบโป่งพองขึ้นมาก........

      จากเดิม ๓,๐๐๐ ล้าน ตอนนี้ ขอเพิ่มอีก ๑,๗๐๐ ล้าน เป็น ๘,๖๔๐ ล้านบาท!

      ฝ่ายนักการเมือง บอกไม่สมเหตุ-สมผล แต่ฝ่ายรัฐสภาบอกสมเหตุ-สมผล

      ประเด็นไอทีที่รัฐสภา ไม่มีใครผิด

      ถ้าทุกฝ่าย ยึดเหตุและผลกันจริงๆ ผมก็มีเหตุและผลจะเสนอ เพื่อใคร่ครวญเหมือนกัน

      คือในเรื่องไอที........

      สำหรับการประชุมรัฐสภาของ "ท่านผู้ทรงเกียรติ" นั้น ประเด็นอยู่ที่

      ๑.รัฐสภาแห่งใหม่ ทุกอย่างใหม่หมด ยกเว้นคนใช้ คือคนเก่าๆ ยากเกิด "สำนึกใหม่"ๆ

      ๒.จะเกิดภาวะ "คนเจริญไม่ทันของใช้" และ

      ๓.จะเป็นรัฐสภาสนองตอบวัตถุ "ไล่ตามเทคโนโลยี" ไปไม่มีที่สิ้นสุด

      ประเด็นที่ควร "ฉุกคิด" เพื่อรอบคอบในทางยาว ในทัศนะผม

      วุฒิภาวะ, สำนึก, สุจริตหน้าที่.........

      คือ "หัวใจสำคัญ" ในความเป็นรัฐสภา

      ไม่ใช่อุปกรณ์ ที่เรียก "ไอที" ที่ ส.ส.-ส.ว.ต้องภักดี จนมองไม่เห็น "วิถีปฏิบัติ" แท้จริง อันเป็นแก่นแท้

      แค่ ๒ มือ ๑ ปาก ๑ หัวใจ พอต่อการทำหน้าที่ในรัฐสภาแล้ว

      ไอที เป็นส่วนเกิน.......

      ถ้าเน้นมีเพื่อ "กดบัตรแทนกัน" อย่างนั้น..มึงเอาไปเลย!

      อ้างว่า ใช้ไอทีแล้ว นับคะแนนได้เร็ว

      ผมว่า "ไม่จำเป็น"

      ถ้า "ความเร็ว" จำเป็นในทุกเรื่อง ทำไมโลกวันนี้ ยังใช้ "ลิง" เก็บมะพร้าว

      นั่นไม่เพราะ มันคือ "ความสวยงาม" มีเอกลักษณ์สะท้อนจิตวิญญาณลงตัว เหนือเครื่องมือและกาลเวลาดอกหรือ?

      ไอทีรัฐสภาที่พูดกันตอนนี้ ต้องทราบว่า ถูก-แพง, ช้า-เร็ว

      "ผู้รับเหมา" เขาไม่เกี่ยว.......

      เพราะไอที ไม่ได้อยู่ในสัญญางานก่อสร้าง!

      ถึงสภาสร้างเสร็จ จะปลายปีนี้ หรือ ปี ๖๒-๖๓ ก็ตาม ก็เสร็จแค่ตัวอาคารและตกแต่งภายใน

      ยังใช้ประชุมไม่ได้อยู่ดี

      เพราะ "ไอที" ที่แยกไปคนละงาน นั้น ยังไม่ได้ "วางระบบ" อะไรเลย

      มีแต่ "งบ" เพิ่มไปเรื่อยๆ!

      แรกสุด ๓,๐๐๐ ล้าน ต่อมา เพิ่มเป็น ๖,๙๐๐ ล้าน และเมื่อ มี.ค.๖๑ ขอเพิ่มอีก ๑,๗๐๐ ล้าน รวมเป็น ๘,๖๔๐ ล้านบาท

      ๓,๐๐๐ ล้านแรก ปี ๒๕๕๖ เมื่อสภาลงมือสร้าง นั้น

      เป็น ๓,๐๐๐ ล้าน.........

      บนฐาน "ระบบเทคโนโลยี" ราคา-ค่าจ้าง-ค่าแรง เวลานั้น

      แล้วนี่ เอ้อเร้อ-เอ้อเต่อ มา ๕ ปี

      ผมว่า ๘,๖๔๐ ล้าน ก็ยังไม่พอ เอาเข้าจริง "หมื่นล้าน" สำหรับไอที ก็ยังทันสมัยไม่ทัน "เล่ห์เหลี่ยม-กลโกง" คนใช้ในระบบสภา!?

      ล้างความคิด "ใช้ระบบไอที" ในการประชุมสภาไปเถอะ

      กลับไปใช้ "สมองกับมือ" ในระบบนับ ตามแบบดั้งเดิม จะ "ดีคงทน" ที่สุด

      อีกร้อยปี-พันปี ก็ไม่มีคำว่า "ตกรุ่น-ล้าหลัง"

      ที่สำคัญ จะเซฟเงินส่วนไอที ไปใช้ด้านอื่นได้เป็นหมื่นล้าน-แสนล้าน!

      คือ "เทคโนโลยี" นั้น มาเร็ว-ไปเร็ว ถ้าออกมารุ่นเดียว แล้วใช้ไปทั้งชาติ เขาก็เจ๊งซี

      ดังนั้น จะเห็น ปี-สองปี ด้วยเทคโนโลยีใหม่ มาให้ไล่ตามอีกแล้ว!

      เมื่อเป็นเช่นนี้ "รัฐสภาไอที" ด้วยตกเป็นทาสเทคโนโลยี ก็ต้องวิ่งตามไปตลอด

      ค่าบริหาร-ดูแลระบบ ค่าบำรุง-ซ่อมแซม ค่าปรับเปลี่ยน ค่าเครื่องมือ-อุปกรณ์

      เป็นภาระจำยอม ต้อง "ตั้งงบ" เลี้ยงระบบไอทีเป็นพันๆ ล้านทุกปี หรือมากกว่านั้น ให้ "แดกกันทั้งชาติ" ไปนิรันดร์กาล

      ถามว่า งบประมาณที่ฉิบหายไป เพื่ออะไร ได้ประโยชน์อะไร?     

      ไม่มีรัฐสภาซะเลย จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองกว่ามั้ย?

      เอางบ "ผูกปี-ผูกชาติ" นั้น.........

      ไปซื้อวัคซีนฉีดหมาเป็นครั้งคราว ชาวบ้านยังจะเดินสบายน่องกว่า ไม่ต้อง "เสียวเขี้ยว"!  

      สภาแบบ "ยกมือ-ขานชื่อ-ลงคะแนน" ดั้งเดิม นอกจากดูขลัง ประเทศชาติยัง "ประหยัดงบ" ได้ตลอดกาล

      มองไม่เห็น ประเทศชาติจะสูญเสียตรงไหน ถ้าไม่ใช้ระบบไอที?

      จะมีก็แต่อดีต ส.ส.เพื่อไทย ประเภท "นริศร" เท่านั้น ที่อ้างเป็นโรคประสาท ชอบเสียบบัตรหลายใบ!

      ใคร่ครวญซักนิดตรงนี้ เอาความเป็นจริง อย่าเอาเท่ เลิกคิดใช้ระบบไอทีในการประชุมสภา

      ได้เงินคืน "ขั้นต้น" ทันที กว่า ๘,๐๐๐ ล้าน!