คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า...มันออกจะวิปริต พิสดาร อยู่สมควร สำหรับปรากฏการณ์ เมษาฯ หน้าหนาว ที่กำลังอุบัติขึ้นมาในช่วงระหว่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความกดอากาศสูงจากจีน หรือจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ อุณหภูมิอากาศในช่วง หน้าร้อน ที่ว่ากันว่าอาจพุ่งขึ้นไปถึง 40-42 องศา กลับทำท่าว่าจะลดวูบ เหลือแค่ 22-23 องศาใน กทม.ช่วงอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้...
---------------------------------------------------------
ปรากฏการณ์วูบๆ วาบๆ วิปริต ผิดเพี้ยน...แม้จะเป็นแค่เรื่องของอุณหภูมิอากาศ แต่ก็อาจหยิบเอามาเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เป็นข้อคิด สะกิดใจ สำหรับเรื่องอื่นๆ ได้แทบทุกเรื่องนั่นแหละ เพราะอย่างที่พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิอากาศกับพฤติกรรมในหมู่มวลมนุษย์ ที่มีความเกี่ยวข้องผูกพันอย่างมิอาจตัดขาดแยกออกจากกันได้เลย ความวิปริต ผิดเพี้ยน ของ ธรรมชาติ จึงย่อมสามารถนำมาใช้เครื่องเตือนใจ เป็นข้อคิด สะกิดใจ สำหรับผู้ซึ่ง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ได้ทุกเมื่อ...
----------------------------------------------------------
เพราะไม่ว่าจะมองกันในระดับโลก หรือในระดับสังคมไทย...ความวิปริต ผิดเพี้ยน ในหมู่มวลมนุษย์ ย่อมเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นแบบต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะโลกช่วงนี้นั้น...นอกจากจะเป็นอะไรที่สุดแสนสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ไปในแทบทุกเรื่อง ยังเป็นโลกที่อัตราแห่งความก้าวร้าว รุนแรง นับวันจะเพิ่มขึ้นๆ ชนิดหวีดหวิว ฉิวเฉียด ระดับใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที ไม่ว่าจะเป็นสงครามทางการเมือง สงครามทางการค้า สงครามทางการทูต ต่างไหลไปสู่แนวโน้มอันจะนำมาซึ่ง สงครามเลือด ได้เสมอๆ และเมื่อไหร่ที่สงครามเลือดมันดันระเบิดขึ้นมาจริงๆ ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย ที่อะไรต่อมิอะไรมันชักจะ เพี้ยนๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อาจต้อง บ้าตาม หรือ บ้า...ก็...บ้าวะ ไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ไม่วันหนึ่งก็วันใด ในช่วงอนาคตข้างหน้า...
-------------------------------------------------------
สำหรับผู้ที่รักบ้าน รักเมือง รวมทั้งรักในมวลมนุษยชาติควบคู่ไปด้วย...จึงคงต้องหันมาให้ความสนใจ และให้ความสำคัญกับความเป็นไปตาม ธรรมชาติ ให้มากๆ เข้าไว้ อะไรที่มันผิดๆ เพี้ยนๆ แปลกออกไปจาก ครรลอง-คลองธรรม ไม่ว่ามันจะดูใหม่ ดูเก๋ ดูเท่ หรือดูมีเสน่ห์น่าเย้ายวนใจ ไม่ว่าในแบบย้อนยุค-ไม่ย้อนยุคก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากมันออกไปในทาง สุดโต่ง ในด้านหนึ่งด้านใด ก่อให้เกิดอาการ เว่อร์ หรือ โอเวอร์ จนมีผลต่อกระเพาะ ลำไส้ ชนิดอยากจะขย้อนอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว อันนั้นนั่นแหละ...คงต้องหาทางถ่วงๆ เอาไว้มั่ง เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาในทาง กลางๆ ทาง มัชฌิมาปฏิปทา อันเป็นหนทางที่จะนำมาซึ่ง ความสมดุล หรือเป็นหนทางที่ ธรรมชาติ ท่านได้กำหนด กฎเกณฑ์ จัดสรรไว้ให้เป็น ครรลอง-คลองธรรม ตามแบบฉบับของท่านมาตั้งแต่เริ่มแรก...
--------------------------------------------------------
คือไม่ว่าโลก หรือความวิปริต ผิดเพี้ยน ทางธรรมชาติ...มันจะฉุดกระชากลากถูใครต่อใครไปถึงขั้นไหน แต่สำหรับผู้ซึ่ง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แล้วล่ะก็ การประคับประคองแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ไม่ให้มัน สวิง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง จนเกินไป ไม่ว่าจะในแบบ อนุรักษ์สุดโต่ง หรือ ก้าวหน้าสุดโต่ง ย่อมถือเป็นหนทางที่พอช่วยให้เกิดการ อยู่รอด-ปลอดภัย ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน อย่างคงทน ถาวร ได้จริงๆ เหมือนอย่างที่อภิมหาปราชญ์แห่งหนทางธรรมชาติ ท่าน เหลาจื๊อ ท่านได้ปรารภ รำพึง ไว้ในบทแรกๆ ของ คัมภีร์เหลาจื๊อ มานับเป็นพันๆ ปีแล้วนั่นแหละว่า... ฟ้ามีอายุยาวนาน ดินอยู่ได้ยั่งยืน ด้วยเหตุเพราะการเคลื่อนไหว ดำเนินการของฟ้า-ดิน มิได้กระทำไปเพื่อตนเอง จึงมีอายุยาวนานและยั่งยืน อริยบุคคลจึงต้องถ่อมตนเป็นผู้อยู่รั้งท้าย จึงจะได้รับความยกย่อง ต้องไม่เห็นแก่ตนจึงจะอยู่ได้ยาวนาน เช่นฟ้า-ดินนั่นแล...
----------------------------------------------------------
อาการ สวิง ของโลก...และของสังคมไทย ที่มันกระทำปฏิกิริยาต่อกันและกันมาโดยตลอด หรือต่างมี ปฏิสัมพันธ์ ต่อกันและกัน อย่างมิอาจตัดขาดแยกออกจากกันได้ ทำให้ในช่วง อนาคตอันใกล้ หรือในอีกไม่กี่ปีนับจากนี้ต่อไป คงหนีไม่พ้นต้องออกเรี่ยว ออกแรง ดึงซ้าย-ดึงขวา ไม่ให้มัน สุดโต่ง ไปในด้านหนึ่ง ด้านใด มากมายเกินไปนัก และคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เกิดความ สมดุล ขึ้นมาได้แบบฉับพลัน ทันที แม้จะมี อำนาจ มี กฎหมาย มาตราฉี่ฉิบฉี่ หรือแป๊ดสิบแป๊ด อยู่ในมือก็ตามแต่ เพราะหลายต่อหลายอย่าง มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุม บังคับ ได้ด้วย อำนาจ หรือ กฎหมาย เอาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นอารมณ์ ความรู้สึก เป็นความคิด ความอ่าน ไม่ว่าในรูปใด ลักษณะใด ก็ตามที มีแต่จะต้องอาศัยการเดินไปตาม ครรลอง-คลองธรรม การยึดเอาแนวทางแห่งธรรมชาติ หรือยึด ธรรมะ เป็นที่ตั้งนั่นแหละ มันถึงจะพอไปด้วยกันได้ หรือพออยู่ๆ กันไปได้...
--------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ยึดเอาสิ่งเหล่านี้ แนวทางเหล่านี้ เอาไว้เป็น สรณะ ทั้งในทางความคิดและการปฏิบัติ ไปจนถึงการดำรงตนให้เป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง สุดท้าย...ก็คงเป็นได้แค่ ส่วนหนึ่งของปัญหา ไม่ใช่ผู้ซึ่งสามารถช่วย แก้ปัญหา หรือทุเลา เบาบาง ปัญหาต่างๆ ลงไปได้เลย เผลอๆ...อาจกลายเป็นตัว ซ้ำเติม ให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ยิ่งวิปริต ผิดเพี้ยน ยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น...สำหรับผู้ที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง และรักมวลมนุษยชาติทั้งหลาย คงต้องหันมาใคร่ครวญ พิจารณา ถึงแนวโน้มอนาคตของประเทศไทยเอาไว้ให้จงหนัก มองถึง เหตุปัจจัยภายนอก และ เหตุปัจจัยภายใน ควบคู่กันไป อย่างมิอาจแยกออกจากกันได้เลย โดยอาศัยแนวทาง กลางๆ หรืออาศัยเส้นทาง มัชฌิมาปฏิปทา ที่ว่านี้แหละ เป็นหลักยึดในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี ก่อนที่ ความสุดโต่ง ทั้งหลาย มันจะฉุดกระชากลากถูให้เกิด หน้าหนาวเดือนเมษาฯ ขึ้นมาอนาคตการเมืองไทย ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล นับจากนี้...
---------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Channing Pollock... Happiness is a way station between too little and too much.-ความสุขอยู่กลางทางระหว่าง...น้อยเกินไป...กับ...มากเกินไป...
-----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |