"วราวุธ" แจง จนท.ดับไฟป่าผูกคอ สาเหตุส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน "มท.2" เผยเพลิงไหม้เขตอุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย เสียหาย 2,400 ไร่ เสียใจผู้ใหญ่บ้าน-ราษฎรเสียชีวิตจากการร่วมดับไฟป่า ผู้ว่าฯ เชียงใหม่สั่งจับตาพื้นที่เสี่ยงไฟไหม้ป่าซ้ำซาก 83 จุด
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ไฟป่าของสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ เชียงใหม่ ผูกคอตายเสียชีวิต พร้อมทิ้งจดหมายลาไว้ เขียนด้วยลายมือระบุเกี่ยวกับการตัดพ้อเรื่องงาน ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และที่สำคัญ ทำให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สูญเสียบุคลากรสำคัญ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายวราวุธกล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ให้อธิบดีกรมอุทยานฯ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งในช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้นได้รับการยืนยันจากหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ เพื่อนร่วมงาน และตามสายบังคับบัญชา ทุกคนยืนยันตรงกันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผู้เสียชีวิต อีกทั้งบุตรสาวและภรรยาของผู้เสียชีวิตก็ยืนยันว่าสาเหตุไม่น่าจะเป็นเรื่องงาน แต่เป็นปัญหาครอบครัวส่วนตัว อย่างไรก็ตามสำหรับการช่วยเหลือนั้นทางอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการไปตามระเบียบในการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ไฟป่าตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น โดยเพลิงไหม้ได้เกิดขึ้นอยู่บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างให้แก่พื้นที่โดยรอบกว่า 2,400 ไร่ โดยในขณะนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังป้องกันการปะทุลุกลาม และติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.
นายนิพนธ์กล่าวว่า ตนมีความเสียใจต่อการสูญเสียผู้ใหญ่บ้านในเหตุการณ์ดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านถือเป็นบุคลากรด่านหน้าที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ราษฎรในแนวกันไฟไปร่วมปฏิบัติงานดับไฟป่าแล้วมีการเสียชีวิต ซึ่งทุกท่านต่างเป็นบุคคลที่ทุ่มเทการทำงานและอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตนขอเป็นกำลังใจให้แก่ญาติครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ การปฏิบัติงานที่ภารกิจยังไม่แล้วเสร็จนั้น ตนขอกำชับไปยัง จนท.และราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งอาสาสมัครฯ ต่างๆ ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยให้มีการประเมินสถานการณ์การปฏิบัติงานทุกระยะเพื่อการเข้าพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยและลดการสูญเสียไม่ให้เกิดขึ้นอีก"
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ โดยเร่งติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อน (Hotspots) มากที่สุด 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภออมก๋อย เชียงดาว แม่แจ่ม แม่วาง และสะเมิง
ทั้งนี้ จุดความร้อนเมื่อเช้าวันที่ 5 เม.ย. พบว่ามีอยู่ 223 จุด และช่วงบ่าย 165 จุด ส่งผลให้มีพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้เสียหายไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย. จำนวน 1,389 ไร่ มีการแจ้งความดำเนินคดี 59 คดี ใน 16 อำเภอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนจุดความร้อนมีจำนวนลดลง เหลือเพียง 129 จุด แต่พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 76 จุด ป่าอนุรักษ์ 52 จุด และเขต สปก.อีก 1 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่เร่งระดมกำลังเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง
โดยผู้ว่าฯ เชียงใหม่ได้กำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่ ต้องมีเป้าหมายลดจุดความร้อนในทุกพื้นที่ให้ชัดเจน ให้นำข้อมูลมาปรับแผนแบบรายวัน อย่าให้เกิดจุดไหม้ซ้ำซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะอำเภอเชียงดาว ขอให้เพิ่มชุดลาดตระเวนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพิ่มชุดผู้ช่วยในการลาดตระเวน ที่นำเอามาจากบัญชีของผู้หาของป่าร่วมลาดตระเวนและเข้าไปดับไฟ ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ที่ต้องทำเป็นระยะๆ ใช้ศักยภาพของกำลังชุมชน อาศัยการเข้าไปพูดคุยกับปราญช์ชาวบ้าน ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำชุมชน เพื่อทำความเข้าใจพี่น้องประชาชน รวมทั้งใช้หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและการลงพื้นที่ในชุมชนด้วยตัวเอง และเพื่อดึงชุมชนมาร่วมเป็นเครือข่ายให้การชี้เบาะแสผู้ลักลอบเผาป่าเพื่อจับกุมมาดำเนินคดี
นอกจากนี้ ยังได้ย้ำให้ทุกอำเภอให้เร่งวางแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยระบุอำเภอ วัน เวลา และพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อข้อมูลนำมาหารือวางแผนในช่วงกลางเดือนนี้ เพื่อป้องกันหลังจากเสร็จสิ้นการประกาศห้ามเผา 30 เมษายนนี้ ประชาชนจะมีการเผาพร้อมกันทุกพื้นที่ จึงต้องมีการทำแนวทางข้อตกลงร่วมกันที่ชัดเจนต่อไป
ด้าน นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ 7 อำเภอ จับตาดูพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซาก 83 จุด ใน 12 ตำบล คือ อำเภออมก๋อย 26 จุด ในตำบลยางเปียง ตำบลอมก๋อย ตำบลนาเกียน, อำเภอเชียงดาว 16 จุด ตำบลเมืองงายและตำบลทุ่งข้าวพวง, อำเภอแม่แจ่ม 13 จุด ตำบลกองแขกและตำบลแม่นาจร, อำเภอแม่วาง 9 จุด ตำบลแม่วิน, อำเภอดอยเต่า 7 จุด ตำบลมืดกา, อำเภอเวียงแหง 6 จุด ตำบลเมืองแหง, อำเภอสะเมิง 5 จุด ตำบลบ่อแก้ว และอำเภอฝาง 4 จุด ตำบลม่อนปิน ซึ่งเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากบนภูเขาสูงชัน และเป็นเหวลึกยากต่อการเข้าถึง จึงได้กำชับให้เร่งประเมินสถานการณ์และวางแผนการดับไฟให้ดี
พร้อมเตรียมเฮลิคอปเตอร์ ทั้ง MI-17 ของกองทัพบก, KA32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมขึ้นบินโปรยน้ำดับไฟได้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ โดยย้ำให้แต่ละอำเภอเร่งวิเคราะห์จุดความร้อนในพื้นที่ หากประเมินแล้วไม่สามารถเข้าดับได้ ขอให้ประสานจังหวัดมาในตอนเช้า เพื่อเร่งนำอากาศยานเข้าไปสนับสนุนโดยด่วน อย่าปล่อยให้ลุกไหม้เกิน 2 วัน เพราะจะเป็นจุดไหม้ซ้ำซากทันที.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |