จะพูดว่าเป็นข่าวดีก็ใช่
หรือจะบอกว่าอย่าเพิ่งดีใจ เพราะศึกยังไม่จบมันก็ใช่
คำแถลงของคุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-๑๙ (ศบค.) อาจทำให้เราใจชื้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อประจำวันที่ ๖ เมษายน ลดฮวบจากร้อยกว่า มาเหลือแค่ ๕๑ คน
แต่...อย่าเพิ่งดีใจ คิดว่าสถานการณ์การระบาดโควิด-๑๙ อยู่ในช่วงขาลงแล้ว สามารถผ่อนปรนมาตรการป้องกันต่างๆ ได้แล้ว
อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาด
เว้นเสียว่า หลังจากวันนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อเหลือ ๕๐ คน ๔๕ คน ๓๐ คน ลงไปเหลือเลขตัวเดียว ถึงวันนั้นเรากลับไปใช้ชีวิตปกติได้
แต่ความจริงคือ วันนี้ วันพรุ่งนี้ ตัวเลขสามารถดีดกลับขึ้นไปร้อยกว่าคนอีกครั้งแน่นอน เพราะยังมีหลายรายอยู่ระหว่างสอบสวนโรคอยู่
ฉะนั้นขอให้รับทราบทั่วกัน ตัวเลขยังแกว่งอยู่
อย่าเครียด ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐเป็นหลัก อย่าไปสนใจข่าวจากโซเชียลให้มากนัก หนักหัวเปล่าๆ
มีอีกตัวเลขที่ดูแล้วน่าชื่นใจครับ
วานนี้ (๖ เมษายน) วันเดียว มีผู้ป่วยโควิด-๑๙ หายดีกลับบ้านได้ ๑๑๙ คน ถือว่าเยอะครับ
ถ้าดูควบคู่กับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่คือ ๕๑ คน ถ้าตัวเลขเดินไปแบบนี้สักครึ่งเดือน ทุกอย่างจบเร็วแน่
ธุรกิจกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง คนที่พักงานชั่วคราวก็กลับมาทำงานอีกครั้ง ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน อย่าตัวทำเป็นพาหะแพร่เชื้อ
ถามว่าสถานการณ์วันนี้น่ากลัวแค่ไหน
ก็อยากให้ทุกคนกลัวไว้ก่อน แต่อย่าตกใจจนเกินเหตุ
เพราะตามสถิติ ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้กว่าครึ่งยังเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยรายเดิม
หมายความว่าคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ ยังสามารถตามได้ว่า ใครมีความเสี่ยงบ้าง ทำให้โอกาสแพร่เชื้อน้อยลง
จะมีปัญหามากในวันนี้คือ กลุ่มคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หากไม่ทำตามมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด เช่นไม่ยอมกักตัว จะทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อไปอีก
รวมทั้งคนที่โกหก ไม่ยอมบอกประวัติการเดินทางของตนเองต่อบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองไปในพื้นที่เสี่ยงมา
นอกจากเป็นตัวแพร่เชื้อแล้ว ท่านยังทำให้หมอ พยาบาล ต้องหยุดทำงาน กักตัว ๑๔ วัน เพราะตกอยู่ในความเสี่ยง
ข้อมูลล่าสุด บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม ๑๓ ราย เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
ฉะนั้น ใครป่วยต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อื่น กรุณาบอกความจริง เพราะการโกหกของท่านอาจทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตได้
ถ้าร่วมมือกันก็จบเร็ว
แต่หากต่างคนต่างคิดว่าธุระไม่ใช่ ก็อยู่กันไปแบบนี้อีกยาว
รัฐถึงได้ออกมาตการบังคับ เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตาม แต่ก็ยังมีพวกแหกคอก ฉะนั้นหากจะมียาแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ขอให้รู้ว่า เพื่อให้พวกนี้หยุดแหกกฎ
สุขภาพนำเสรีภาพ คือแนวทางที่เหมาะสมกับความเป็นจริง
หยุดพักเสรีภาพกันสักพักคงไม่ตาย
พวกนักประชาธิปไตย นักการเมือง นักเคลื่อนไหวแต่ปาก พวกนี้ดิ้นพล่านราวกับว่าจากนี้ไปสิ้นแล้วซึ่งเสรีภาพ
เขียนด่ารัฐบาลในโซเชียลกันโครมๆ แต่ดันบอกว่าไร้เสรีภาพในการแสดงความเห็น
อีกอย่าง การจำกัดเสรีภาพที่รัฐบาลพยายามบอกกับประชาชนคือ เสรีภาพในการเดินทาง ให้ทุกคนอยู่กับบ้าน ไม่จำเป็นจริงๆ อย่าเดินทาง
รวมทั้งให้หยุดปล่อยข่าวเท็จ อย่าสร้างความสับสน
นั่นคือประเด็นหลัก
ฉะนั้นหยุดพัก เว้นวรรคการเมืองสัก ๑-๒ เดือน รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ทุกอย่างก็จะดีขึ้นชนิดที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |