เย็นๆกันเอาไว้มั่ง!!!


เพิ่มเพื่อน    

      ไหนๆ...ก็ กักตัวเองเอาไว้ในบ้าน กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะโดยการบังคับ หรือโดยความสมัครใจก็ตาม เรื่องของการถูกเล่นงาน ถูกแพร่เชื้อ โดยตัวไวรัส Covid-19 แบบเป็นตัวๆ ก็น่าจะทุเลา เบาบาง ลงไปได้มั่ง หรือไม่ถึงกับต้อง หูแหก-ตาแหก มากมายเกินไปนัก เหลือแต่ ไวรัสทางความรู้สึก นั่นแหละ ที่คงต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง...

        --------------------------------------------------

      คือ ไวรัสทางความรู้สึก นั้น...ไม่ว่าจะโซเชียล ดิสแทนซิ่ง ฟิซซิเคิล ดิสแทนซิ่ง กันไปในระดับไหน แต่มันก็ยังมีโอกาสแพร่เชื้อ มีโอกาสฟุ้งกระจาย ผ่านทางประสาทสัมผัสอื่นๆ ไม่ว่าหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ โดดเข้ามาเกาะ อัตตา ใครต่อใคร ก่อนสวาปาม หรือ ปรุงแต่ง ให้เกิดอาการผิดๆ เพี้ยนๆ เกิดความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความโกรธ ความเกลียด ความเคียดแค้น ชิงชัง ไปจนถึงความพยาบาท อาฆาต และริษยา ฯลฯ จากคนที่เคยมีสุขภาพเป็นปกติ กลายเป็นคนประสาทแ-ก หรือกลายเป็นคนบ้าเอาง่ายๆ แม้จะสวมหน้ากาก จะล้างมือ ล้างไม้ กันจนซีดแล้ว ซีดอีก ไปแล้วก็ตาม...

           -----------------------------------------------------

      ยิ่งรายใดที่แม้จะกัก ตัว เอาไว้ในบ้าน...แต่กลับปล่อยให้ ใจ โลดเถลิง สะเริงระบำ ดำรู ออกไปแรดไป-แรดมา ร่อนไป-ร่อนมาในโลกอันปราศจากขอบเขต ปราศจากพรมแดน เขตแดน รวมทั้งปราศจากเครื่องตรวจเชื้ออีกซะล่วย อันได้แก่ โลกโซเชียลมีเดีย ทั้งหลายนั่นแล โอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสทางความรู้สึก ออกอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ไอแห้งๆ ปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจไม่เป็นปกติ เพราะ ด่าเยอะ หรือเพราะต้องผรุสวาท ต้องสาดวจีทุจริต ใส่ใครต่อใครไล่มาตั้งแต่รัฐบาล ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดาระดับกระจอกๆ ที่โดยปกติมันก็เป็นอะไรที่เละเทอะ เลอะเทะ ของมันอยู่แล้ว แต่อดไม่ได้ที่ต้องหยิบมา ด่าคนบ้า หรือหยิบมา ว่าคนเมา ไปตามสภาพ...

                -------------------------------------------------------

      คือไม่ว่าสังคมไหนต่อสังคมไหนก็แล้วแต่...ยังไงๆ มันย่อมต้องมีคนบ้า คนเมา ผสมปนเปไปกับคนปกติ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เหมือนกับ คนดี และ คนไม่ดี ที่ย่อมต้องผสมปนเปอยู่ในสังคมทุกๆ สังคมนั่นแล การตามไปไล่จิก ไล่ด่า บรรดาคนเหล่านี้ นอกจากเสียแรง เสียเวลา ยังอาจเป็นตัวเพิ่มปริมาณความโง่ ความบ้า ให้กับตัวเองโดยใช่เหตุ เพราะอย่างที่พระนักเทศน์อย่าง พระอาจารย์พยอม ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า โกรธคือโง่-โมโหคือบ้า การเพิ่ม การสะสม ปริมาณความโง่ ความบ้า ให้กับตัวเอง แม้วันละนิด-วันละหน่อย แต่สุดท้าย...เมื่อมันมีจำนวนมากๆ เข้า โอกาสที่มันจะ ระเบิด สร้างรัศมีการทำลายแบบ ตัดยอดหญ้า หรือแบบไม่สนใจว่าอะไรดี อะไรเลว อะไรถูก อะไรผิด ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...

              ------------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...นอกจาก ตัวไวรัส Covid-19 ที่ยังกินกันไม่ลงอยู่ในทุกวันนี้ เมื่อผนวกเข้าไปกับ ไวรัสทางความรู้สึก ที่แพร่ขยายไม่น้อยไปกว่าตัวไวรัสแท้ๆ กำลังส่งผลให้สังคมไทย รวมทั้งอีกหลายๆ สังคม ตกอยู่ในภาวะ อันตราย สูงสุดยิ่งเข้าไปทุกที คือสามารถนำไปสู่ระดับถอนราก ถอนโคน หรือพลิกฟ้า-คว่ำดิน ได้เสมอๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะอันตรายต่อการอยู่-การไปของ รัฐบาล หรือของผู้มีอำนาจทางการเมืองบางกลุ่ม บางรายเท่านั้น เพราะไม่ว่าตัวเลขผู้ตาย ผู้ติดเชื้อ จากเชื้อไวรัสแท้ๆ มันจะขึ้นๆ-ลงๆ ไปในลักษณะไหนก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากปริมาณความโง่ ความบ้า หรือความ ไร้สติ ในหมู่ผู้คนไม่ว่าสุขภาพปกติ หรือไม่ปกติ มันมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม หรือไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิด จะด้วยสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ อันนี้นี่แหละ...อันตรายสุดๆ!!! ระดับรถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำใดๆ ก็ไม่น่าจะเอาอยู่...

     --------------------------------------------------------

      เพราะถ้าลองหันไปทบทวน ประวัติศาสตร์แห่งเชื้อโรค อย่างครั้งการแพร่ระบาดของ ไข้ดำ หรือ กาฬโรค จากเอเชีย หรือจากมองโกเลียเข้าสู่ยุโรป เมื่อช่วง 600-700 ปีที่แล้ว นอกจากจะเป็นตัวพร่าผลาญ สังหารผู้คนในยุโรปไปถึง 1 ใน 3 ของทวีป แต่ยังถือเป็นตัวที่นำมาซึ่ง การปฏิวัติ แบบชนิดถอนราก-ถอนโคน นำมาซึ่งการพังทลายของระบบเศรษฐกิจแบบฟิวดัล หรือระบบเจ้าที่ดิน กลายมาเป็น ระบบทุนนิยม แบบเต็มสูบ เต็มด้าม สถาบันทางสังคมอันเคยเป็นที่ยึดมั่น ศรัทธา พังทลายลงไปเป็นแถบๆ ฯลฯ คำตอบ เท่าที่เคยเป็นมาในประวัติศาสตร์ จึงกลายมาเป็น คำถาม ถึงปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้า ที่คงต้องหาทางแก้โจทย์ ตอบโจทย์ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...

               --------------------------------------------------------

      และคงไม่ใช่แต่เฉพาะ รัฐบาล เท่านั้น...ที่จะเป็นผู้แก้โจทย์ ตอบโจทย์ เหล่านี้ได้เพียงลำพัง แต่คงต้องอาศัยบรรดา ผู้มีสติ ทั้งหลาย ผู้ที่ยังไม่โง่ ไม่บ้า ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสทางความรู้สึก จนออกอาการเลอะเทอะ เละเทอะ และเลอะเทะ จนหาความนิ่ง ความสงบ ที่จะเอาไป สยบความเคลื่อนไหว แทบไม่ได้ กลายเป็นพวก กูรู-กูรู้ ในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง หรือไม่ได้เรื่องได้ราว กลายเป็นหมอซะยิ่งกว่าผู้ที่จบมาทางด้านหมอ บางรายถึงขั้นเก่งกว่า หมอยง จนต้องถอนกันเป็นกระจุกๆ ถึงไม่พันไป-พันมาให้ต้องปวดเศียร เวียนเกล้าหนักขึ้นไปอีก บางรายเก่งกว่ารัฐบาล เก่งกว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น โดยไม่ว่ารายไหน-รายนั้น หนีไม่พ้นต้องพูดเยอะ รู้เยอะ และด่าเยอะ จนหาความนิ่ง ความสงบ หรือความมี สติ แทบไม่ได้ ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้ อันตราย มันอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดกันจนได้...

         ----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก New Testament (อีกครั้ง)... Let every man be swift to hear, slow to speak, slow to wrath. - ขอให้ทุกคน...จงฟังให้มาก พูดให้น้อย โกรธให้น้อย...

                                                                               ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"