6 เม.ย.63 - พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์ในคืนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นคืนที่ 3 หลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิว ข้อกำหนดเพิ่มเติม ห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยในคืนที่ผ่านมาจะเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง
พล.ต.ท.ปิยะ ระบุว่า โดยภาพรวมของคืนที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข และอาสาสมัคร ได้สนธิกำลัง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ชุดเคลื่อนที่เร็ว ทั่วประเทศ รวม 923 จุด ใช้กำลังพลรวม 17,775คน เพิ่มขึ้นจากคืนที่ ผ่านมา จำนวน 87 จุด มีการตรวจประชาชน จำนวน 22,675 คน ตรวจยานพาหนะ 16,846คัน
โฆษก ตร.ระบุว่า สำหรับผู้ที่ออกนอกเคหสถานนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีเหตุผลและความจำเป็นโดยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล คือ ผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค / ผู้ที่ขนส่งผลผลิตทางการเกษตร / ผู้ที่มีหน้าที่เข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืน ตามลำดับ ในส่วนพื้นที่อื่นนั้น เป็นผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งผลผลิตทางการเกษตร / ผู้ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และ ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ตามลำดับ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชาชนที่จงใจฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกนอกเคหสถาน โดยไม่มีเหตุผล จำนวน 1,075 คน และรวมกลุ่ม ชุมนุม หรือมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ในเคหสถานจำนวน 83 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับดำเนินคดี ทั้งหมด 810 ราย โดยส่วนใหญ่ยังคงเจตนาออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่นอ้างว่าจะไปทำธุระแต่พอถูกสอบถามโดยละเอียด ไม่สามารถตอบคำถามได้ ผู้ที่มาตั้งวงดื่มสุราในที่สาธารณะ ลักลอบเล่นการพนัน รวมกลุ่มขับขี่รถจักรยานยนต์และเสพยาเสพติด
พล.ต.ท.ปิยะ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พ้นระยะเวลา 3 คืนของการประกาศเคอร์ผิวแล้ว ต้องถือว่าหากยังมีการฝ่าฝืนอีกเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ได้โปรดปฏิบัติตามข้อกำหนด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งนี้เพื่อควบคุม ป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว และสำนักงานตำวจแห่งชาติจะยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันและลดการแพร่ระบาด โดยบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้ที่ก่ออาชญากรรมอันเป็นการเอารัดเอาเปรียบและซ้ำเติมประชาชนอย่างจริงจัง
“ ขอเรียนว่า ขณะนี้ศาลได้พิพากษาลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ศาลแขวงดุสิต ศาลแขวงนครราชสีมา ศาลแขวงสงขลา ศาลแขวงเชียงใหม่ ศาลจังหวัดชัยนาท ศาลจังหวัดยโสธร ศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นตัน โดยมีอัตราโทษตั้งแต่จำคุก กักขัง และปรับ รวมถึงมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเช่น ห้ามออกนอกเคหสถาน เป็นเวลา 7 วัน เว้นมีเหตุจำเป็น จึงขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือด้วย"ผลการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย”
พล.ต.ท.ปิยะ ระบุด้วยว่า สำหรับการจับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เฉพาะในวันที่ 5 เม.ย.63 เพียงวันเดียว มีการจับกุมทั้งในขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จำนวน 8 คดีผู้ต้องหา 9 คน ตรวจยึดของกลางหน้ากากอนามัย จำนวน 71,730 ชิ้น เจลแอลกฮอล์ จำนวน7,280 ลิตร รวมผลการตรวจจับกุมตั้งแต่เดือน ก.พ.63 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 306 คดี ของกลางหน้ากากอนามัย จำนวน2,534,520 ชิ้น แอลกอฮอล์ 77,807ลิตร รวมมูลค่าของกลางกว่า 69 ล้านบาท
การจับกุมผู้ที่โพสต์หรือส่งต่อข่าวปลอม สร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม Fake News ทีเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด -19 จนถึงวันที่ 5 ม.ย.มีจำนวน 23 คดี ผู้ต้องหา 29 คน การจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับประกาศ ตาม พ.ร.บโรคติดต่อๆ จนถึงปัจจุบันมีการจับกุม จำนวน 29 คดี ผู้ต้องหา 141 คน
พล.ต.ท.ปิยะ ระบุด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนโดยในช่วงนี้ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น กรณีหากท่านมีความจำเป็นขอให้ศึกษาข้อมูล รวมถึงประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดก่อนเดินทาง เช่น ขณะนี้มีจังหวัด ห้ามประชาชนเดินทางเข้าออกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น เชียงราย น่าน ตาก ตราด ภูเก็ต สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีข้อกำหนดที่แตกต่งกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |