ผู้ว่าฯ ภูเก็ตสั่งล็อกดาวน์ "ป่าตอง" หลังยังติดเชื้อเพิ่ม 10 รายเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยเดิมทั้งหมด หาดใหญ่เตรียมพร้อมรับคนไทยกลับจากอินโดฯ 200 คน อุบลฯ-นครพนมปิดด่านชายแดนห้ามแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกเด็ดขาด ตร.ปากน้ำดำเนินคดีวัยรุ่นลองของซิ่ง จยย.ฝ่าเคอร์ฟิว

    เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 1823/2563 เรื่องปิดสถานที่เสี่ยงและกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พื้นที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว  เว้นแต่ยานพาหนะสำหรับการขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือแพทย์ ยานพาหนะกู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล รถฉุกเฉินทางการแพทย์ รถที่ใช้สำหรับภารกิจของทางราชการ รถขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์
    รวมทั้งมีการกำหนดจุดตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ที่จุดตรวจคัดกรองสี่กอ ถนนพระบารมี ตำบลกะทู้ จุดตรวจคัดกรองไซม่อนคาบาเรต์ ถนนสิริราชย์ ต.ป่าตอง จุดตรวจคัดกรองหน้าโรงเรียนบ้านกะหลิม ถนนกมลา-ป่าตอง ทั้งนี้ ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดคัดกรอง และให้เทศบาลเมืองป่าตองร่วมปฏิบัติการ ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอกะทู้และเทศบาลเมืองป่าตอง จัดบุคลากรเข้าตรวจวัดไข้ประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าตองทุกคน  หากพบผู้ใดมีอาการที่เข้าข่ายต้องเฝ้าระวังจะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด 
    ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่มิให้ออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อและอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังบุคคลอื่นอีก หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.63 เป็นต้นไป
    คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต แจ้งสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  ว่า มีผู้ป่วยยืนยันแล้วจำนวน 119 ราย (รายใหม่ 10 ราย) โดยผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้าน 20 ราย กำลังรักษาพยาบาลอยู่ 99 ราย ในจำนวนนี้อาการรุนแรง 1 ราย ที่เหลืออาการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,574 ราย (รายใหม่ 151 ราย) โดยยังคงรักษาพยาบาล 190 ราย ในจำนวนนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 91 ราย กลับบ้านแล้ว 1,384 ราย สำหรับผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 รายใหม่ทั้ง 10 รายเป็นกลุ่มผู้สัมผัสของผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ทั้งหมด ซึ่งทีมสอบสวนโรคได้สอบสวนและนำมากักตัวพร้อมทั้งตรวจหาเชื้อโดยที่บางคนยังไม่แสดงอาการ
    ที่ สภ.กมลา พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แถลงผลการจับกุมชาวต่างชาติมั่วสุมเสพมอระกู่ในบ้านพักเลขที่ 46/11 ม.5 ต.กมลา อ.กะทู้ จำนวน 7 ราย โดยเป็นชาวฝรั่งเศสทั้งหมด ซึ่งตั้งข้อหากระทำความผิดฐานทำกิจกรรมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด โดยฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และนำของที่ยังมิได้เสียภาษีฯ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ที่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่นำรถฉุกเฉินมารับตัวผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิด-19 อีก 4 คน ในพื้นที่ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน อายุ 2 ขวบ  และ 3 ขวบ มีอาการไข้ โดยก่อนหน้านี้แม่ของเด็กซึ่งทำงานอยู่ที่อำเภอป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กับสามีชาวเยอรมันเพิ่งเดินทางกลับมาที่บ้านเกิด และเริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงไปพบแพทย์ ก่อนผลตรวจเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่
สงขลาล็อกดาวน์ทางบก-น้ำ
    ที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมใจกู้ภัยสงขลาได้ติดตั้งอุโมงค์ฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19 เป็นวันแรก บนถนนทะเลหลวง หน้าที่ทำการมูลนิธิร่วมใจกู้ภัยเมืองสงขลา ย่านชุมชนวชิรา โดยให้รถที่วิ่งผ่านเส้นทางนี้ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ต้องขับผ่านอุโมงค์นี้เพื่อฆ่าเชื้อทั้งตัวคนและยานพาหนะไปพร้อมๆ กัน โดยใช้น้ำยาที่ปลอดภัยไม่มีสารตกค้าง ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มาฉีดเป็นละอองฝอยในอุโมงค์ 
    สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.สงขลา มีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 18 ราย จากยอดผู้ป่วยสะสม 37 ราย รักษาหายแล้ว 19 ราย ขณะที่นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ออกคำสั่งปิดจังหวัด ห้ามบุคลใดเดินทางเข้า-ออกข้ามเขตพื้นที่ จ.สงขลา ทั้งทางบกและทางน้ำ มีผลตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. ถึง 30 เม.ย.นี้ นอกจากนี้ยังเตรียมรับชาวไทยมุสลิมนับร้อยคนที่เดินทางไปงานดาวะห์ที่อินโดนีเซีย ที่มีกำหนดเดินทางถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่วันที่ 6 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น.  โดยจังหวัดและท่าอากาศยานฯ ได้เตรียมกระบวนการคัดกรอง ก่อนส่งไปกักตัวตามภูมิลำเนาและภายในสนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ หรือพรุค้างคาว ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว
    ที่ จ.พัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 2 ราย  รวมผู้ป่วยสะสม 10 ราย โดยเป็นผู้ป่วยเพศชายอายุ  51 ปี และอายุ 61 ปี ซึ่งทั้งสองรายติดเชื้อจากการเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เตรียมความพร้อมทุกขั้นตอน เพื่อลงพื้นที่เอกซเรย์จำนวนประชากรทุกหมู่บ้าน ตำบล และชุมชน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฉบับที่ 6 ที่สั่งปิดเมือง ระหว่างวันที่  6-16 เม.ย.อย่างจริงจัง
    ที่ จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแจ้ห่ม ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง เร่งประชาสัมพันธ์แนะนำชาวบ้าน บ้านใหม่สามัคคี หมู่ที่ 7 และบ้านแม่จอกฟ้า หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่งผึ้ง ให้ป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสองหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนบนพื้นที่สูง โดยหมู่บ้านใหม่สามัคคีจะเป็นชาวเขาเผ่าลาหู่ อาศัยอยู่ 137 ครัวเรือน และที่บ้านแม่จอกฟ้าจะเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงอาศัยอยู่กว่า 80 ครัวเรือน และมีแนวตะเข็บติดต่อกับบ้านดง ตำบลหลวงใต้ อำเภองาว ซึ่งพบผู้ติดเชื้อไปแล้ว 3 ราย และได้ทำการปิดหมู่บ้านไปเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้กรรมการตำบลทุ่งผึ้งและผู้นำหมู่บ้านจึงได้ประกาศปิดหมู่บ้านทั้งสองหมู่บ้าน ห้ามบุคคลนอกเข้าพื้นที่และให้ประชาชนอยู่แต่ในหมู่บ้าน ห้ามเดินทางออกนอกหมู่บ้านอย่างเด็ดขาด หากมีความจำเป็นให้ขออนุญาตจากผู้นำชุมชนเท่านั้น
    ที่ จ.เชียงใหม่ นพ.ศิริพจน์ ศรีบัณฑิตกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์อาวุโส โรงพยาบาลนครพิงค์ แถลงว่า พบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 38 ราย โดยผู้ป่วยรายที่ 38 เป็นชายชาวเนเธอร์แลนด์ อายุ 72 ปี เกษียณอายุราชการ มีโรคประจำตัวเป็นตับแข็ง หัวใจโต ข้อเข่าเสื่อม เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. และ 22 มี.ค.เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยมีอาการอ่อนเพลีย  ทานอาหารได้น้อย เจ็บหน้าอก จากนั้นตรวจพบเชื้อในวันที่ 3 เม.ย. มีผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1 คน เป็นภรรยา และสัมผัสใกล้ชิดอีก 7 คน
    ที่ จ.พิจิตร สาธารณสุขอำเภอเมืองพิจิตร ร่วมกับฝ่ายปกครองและทหารปฏิบัติการล็อกดาวน์ครอบครัว 4 วัยรุ่น ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลท่าหลวง หลังกลับจากพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. แต่ไม่ไปรายงานตัวกับผู้นำหมู่บ้าน ไม่ยอมเข้ากระบวนการกักตัว และยังเดินทางไปแหล่งชุมชนโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยทั้งๆ ที่มีลูกอายุเพียง 10 วัน ส่วนมารดาของครอบครัววัยรุ่นยังเดินทางไปตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม โดยไม่กักตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าพูดคุยทำความเข้าใจ ครอบครัวดังกล่าวได้ยินยอมกักตัวเอง 14 วัน โดยแยกกันอยู่ระหว่างพ่อแม่ลูก เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกประวัติไว้ หากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
ปิดด่านห้ามต่างด้าวเข้าออก
    ที่ จ.อุบลราชธานี นายสนอง มาลัยขวัญ นายอำเภอสิรินธร ได้เผยแพร่คำสั่งจังหวัดอุบลราชธานี ที่  15099/2563 เรื่องระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร  จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดน เป็นการชั่วคราวอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการผ่อนผัน เนื่องจากพบว่ายังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวเดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อจะข้ามแดนกลับไปยังประเทศที่จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็กในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคได้
    ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีจึงมีคำสั่ง 3 ข้อ ดังนี้ 1.ระงับการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร 2.ระงับการเข้า-ออกของบุคคล ทั้งชาวไทยและชาวลาว ยานพาหนะและสิ่งของอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการผ่อนผัน และ 3.สำหรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และสินค้าผ่านแดน สามารถดำเนินการได้ โดยให้มีพนักงานขับรถและพนักงานประจำรถ รวมไม่เกิน 2 คน และต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็กแล้วเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.63 เป็นต้นไป
    เช่นเดียวกับที่ จ.นครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ได้มีคำสั่งจังหวัดนครพนม ที่ 759/2563 ลงวันที่ 5 เม.ย.63 ดังนี้ 1.ห้ามบุคคลต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนมด้วยวิธีใดๆ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก ผวจ.นครพนม หรือผู้ที่ ผวจ.ฯ มอบหมาย 2.ห้ามเจ้าของและหรือผู้ควบคุมยานพาหนะใดๆ พาคนต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่ หรือเข้ามาเพื่อเป็นทางผ่าน ยกเว้นเพื่อการนำเข้า-ส่งออกสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากรและสินค้าผ่านแดน นอกจากนี้ยังได้ออกคำสั่งเรื่องการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งได้เพิ่มเติมมาตรการว่า หากพนักงานขับรถส่งสินค้า (คนขับรถ+เด็กรถ) ไปอยู่นอกราชอาณาจักรไทยเกิน 5 ชั่วโมง เมื่อกลับเข้ามายังฝั่งไทย ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ในสถานที่ที่จังหวัดนครพนมจัดเตรียมไว้เป็นการเฉพาะ
    ภายหลังคำสั่งทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้ ปรากฏว่ามีชาวลาวที่จะเดินทางข้ามไปยังภูมิลำเนาของตนเองประมาณ 20 กว่าคน ต้องถูกกักตัวอยู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ทำให้ ผวจ.นครพนมต้องเดินทางมายังด่านพรมแดนดังกล่าวเพื่อคลายล็อกให้ชาวลาวที่ตกค้างทั้งหมด สามารถเดินทางกลับประเทศของตนได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม นำรถสายตรวจมาปิดกั้นช่องการจราจรขาออกสะพานมิตรภาพ 3 เพื่อไม่ให้คนต่างด้าวข้ามไปฝั่งลาวได้เป็นการชั่วคราว
    ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แถลงว่า มีผู้ป่วยรักษาหายจากโควิด-19 จำนวน 1 ราย เป็นชายอายุ 38 ปี (เซียนมวย) เดินทางกลับบ้านตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. แต่ต้องมีการกักตัวอยู่ที่บ้านอีกเป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจอาการทุกวัน
    ที่ จ.สมุทรปราการ พบว่ามีประชาชนในหลายพื้นที่ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่ยังออกมาขี่รถจักรยานยนต์กันบนถนนหลังเวลา 22.00 น. โดย พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด พบว่ายังมีผู้ฝ่าฝืนและไม่มีเหตุจำเป็น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมดำเนินคดีแล้วกว่า 10 ราย และยังมีการจับกุมนักพนันต่างๆ ได้อีกหลายราย
    ที่วัดชินวรารามวรวิหาร (พระอารามหลวง) ต.บางขะแยง อ.เมืองปทุมธานี พระมงคลวโรปการ เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร พร้อมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี เทศบาลตำบลบางขะแยง ชุมชนคุณธรรมวัดชินวรารามวรวิหาร ประชาชนจิตอาสา เจ้าหน้าที่ปกครอง ร่วมกันจัดตั้งโรงทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.63 ทั้งนี้ ดารานักแสดงบทบู๊  "จา พนม หรือ ทัชชกร ยีรัมย์" ร่วมนำน้ำส้มคั้นสดหลายลังมาสนับสนุน และอาสาขนข้าวกล่องและน้ำดื่มไปส่งที่โรงพยาบาลปทุมธานีและจุดตั้งด่านต่างๆ ในอำเภอเมืองปทุมธานี.