หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศห้ามบุคคลใดทั่วประเทศออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าหลังเวลา 22.00 น.เป็นต้นไป ทุกคนห้ามออกจากเคหสถาน รวมถึงการให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทจะต้องหยุดให้บริการในเวลาดังกล่าว

                เพื่อเป็นการปรับแผนให้สอดคล้องกับเคอร์ฟิว ปิดบริการ 21.30 - 04.00 น. ”ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกำกับดูแลนโยบายของกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเคอร์ฟิว โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามประชาชนที่ไม่มีกิจจำเป็นออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. มีผลตั้งแต่ วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไปนั้น ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานด้านขนส่งสาธารณะปรับแผนการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งดังกล่าว โดยให้ปิดบริการตั้งเวลา 21.30-04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.นี้เป็นต้นไป

                ด้าน นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ลงนามออกประกาศกรมการขนส่งทางราง เรื่องมาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางราง ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 2 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกำหนดมาตรการการให้บริการระบบราง สอดคล้องกับข้อกำหนด รวมถึงยึดถือความสะดวก ความปลอดภัย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติในแนวทางที่ใกล้เคียงกัน

                สำหรับข้อปฏิบัติของผู้ให้บริการนั้น โดยเปิดให้บริการเดินระบบรถไฟและรถไฟฟ้าระหว่างวันภายหลังเวลา 04.00 น. และปิดให้บริการที่สถานีปลายทางในเวลา 21.30 น.โดยประมาณ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสารให้สามารถกลับถึงเคหสถานก่อนเวลา 22.00 น. นอกจากนี้ ให้พิจารณาลดการปฏิบัติการเดินรถ ให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และให้ความร่วมมือแก่ทางราชการ           

                ในส่วนของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กำหนดเวลาปิดให้บริการให้สอดคล้องกับการประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าว โดยเห็นว่าการปิดให้บริการในเวลา 21.30 น.เป็นเวลาที่เหมาะสม เพื่อเผื่อเวลาให้ประชาชนเดินทางจากสถานีกลับเคหสถานได้ทันตามกำหนดเวลาเคอร์ฟิว รวมทั้งรถไฟฟ้าทุกระบบจะต้องปิดทำการในเวลาเดียวกัน เพื่อให้รูปแบบบริการสอดคล้องกันทั้งระบบ ส่วนเวลาเปิดให้บริการ ในส่วนของ รฟม. การประกาศเคอร์ฟิวถึงเวลา 04.00 น. ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด

                ขณะที่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ได้ประกาศดังกล่าว จะทำให้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์จะปรับเวลาในการให้บริการ โดยในช่วงเช้าจะให้บริการในเวลาเดิมคือ ขบวนแรกเวลา 05.30 น. และขบวนสุดท้ายจะให้บริการปลายทางทั้งจากสถานีพญาไทและสถานีสุวรรณภูมิในเวลา 21.30 น. โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินทางกลับที่พัก, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ขอปรับเวลาการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสจะให้บริการผู้โดยสารในทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม ถึงเวลา 21.30 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.นี้

                องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ออกประชาสัมพันธ์กรณีที่ ขสมก.ได้ปรับเปลี่ยนเวลาการให้บริการรถโดยสารประจำทางจากเวลาปกติ เป็นให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น

                โดยขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางทุกท่าน โปรดเตรียมตัวเดินทางกลับเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถโดยสารเที่ยวสุดท้ายเกิดความแออัดจากการมีผู้ใช้บริการมากเกินไป  ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ขณะเดียวกัน ขสมก.จะเพิ่มรถโดยสารเที่ยวสุดท้ายประมาณอีก 2-3 คัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาผู้ใช้บริการหนาแน่นในช่วงเวลาการเดินรถเที่ยวสุดท้าย

                จะเห็นได้ว่าระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทต่างก็เด้งรับคำสั่งประกาศเคอร์ฟิว ดังนั้นประชาชนที่ใช้บริการก็ควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม ในส่วนของรถสาธารณะที่ให้บริการรอบสุดท้ายจะให้บริการในเวลากี่โมงนั้น เรื่องนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบกันแล้ว คงต้องบอกว่าวินาทีนี้ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วไว. 

กัลยา ยืนยง