5 เม.ย. 63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยผ่านรายการ “ลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์” ว่า มาตรการกักตัวเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลเกิดความล้มเหลวต่อเนื่อง เพราะกลไกรัฐปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง พร้อมไม่ซึมซับบทเรียน และปรับปรุงให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การพูดครั้งนี้ไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาล้วนหนักหนา จึงขอสื่อถึงผู้มีอำนาจอย่างสร้างสรรค์ และไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เพื่อทำลายล้าง อีกทั้งขอเรียกร้องให้รัฐบาลคำนึงถึงความจำเป็นของประชาชนกำลังอยู่ในสภาพอดตาย ดังนั้น รัฐควรมีมาตรการเร่งด่วนมาแก้ปัญหาให้ได้ก่อนจะมุ่งเดินหน้าประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงตามการส่งสัญญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
"ในสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ ได้สร้างความวิตกกังวล ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายอาชีพย่อยยับที่สุด ผมพูดวันนี้ต้องการเสนออย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้วิจารณ์แบบทำลายล้าง ยิ่งเมื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน สื่อถึงผู้นำรัฐบาล เพื่อให้ความร่วมมือฝ่าฟันต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดี และอยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย" นายจตุพร ระบุ
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าประเทศต้องอยู่อย่างอนาถาควรเท่ากันทุกส่วน เมื่องบประมาณไม่มีเหลือ และโรงพยาบาลร้องขอให้บริจาค และการบริจาคไม่มีใครต่อว่ากัน เพราะเป็นเรื่องของสังคมที่อยู่ด้วยความดีงามกัน แต่หากประทศมีเงินซื้ออาวุธ ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้บุคลากรสาธารณสุขทำสงครามกับโควิด-19 แล้ว ถือเป็นความล้มเหลวของการบริหารงบประมาณอย่างสิ้นเชิง วันนี้กระทรวงพาณิชย์ ตายไปหนึ่งแล้วจากกรณีหน้ากากอนามัย และไข่ไก่ราคาแพง ซึ่งเชื่อว่านายกฯ มีข้อมูลครบถ้วนว่าใครไปหากินบนความหายนะของประเทศชาติ ซึ่งเลวชนิดหาคำจำกัดความไม่ได้ แล้วยังมาเกิดกรณีกลาโหมของบประมาณอีก แต่ต้องยอมถอยออกไป
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังมีความผิดพลาดจากกรณีนักเรียนไทย หรือคนไทยเดินทางกลับจากสหรัฐมาไทย เมื่อห้ามต่างชาติเข้าไทยแล้ว จะห้ามคนไทยกลับประเทศไม่ได้ ดังนั้น เมื่อลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิบอกถึง รัฐไม่มีมาตรการรองรับ จึงอนุญาตให้คนไทยชุดหนึ่งกลับบ้าน ซึ่งเป็นความผิด แต่สังคมไทยกลับวิพากษ์คนไทยกลับจากสหรัฐบางส่วนว่า หนีการกักตัว อีกทั้ง ยังส่งกลุ่มคนไทยเดินทางกลับอีกชุดไปกักตัวที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และเจ้าหน้าที่บอกว่า กระทันหัน เพิ่งรู้ จึงเตรียมอาหารไว้ให้ไม่ทัน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นมาตรการกักตัวล้มเหลว อนุญาตให้กลับบ้าน แล้วสั่งให้มารายงานตัวอีก
กรณีเช่นนี้สะท้อนว่าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเหล่านับแต่กรณีผีน้อย (แรงงานไทยลักลอบทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้) รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า มาตรการกักตัวอยู่บ้านนั้น ถ้าไม่รับผิดชอบกันจริงแล้วทำกันยาก ดังนั้น ชี้ให้เห็นว่า ผ่านมากันหลายเดือน จนมีคนเสียชีวิต 23 ศพ คนติดเชื้อถึง 2,169 รายแล้ว จึงสะท้อนประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงาน แม้ไม่มีฝ่ายใด คนใดต้องการให้เกิดความผิดพลาดขึ้นก็ตาม
"สถานการณ์โควิด-19 เป็นโรคที่เสียชีวิตน้อยแค่ 23 ศพ (ข้อมูลจากศูนย์ ศบค.เมื่อ 5 เม.ย.) แต่เสียสติ วิตกกังวลกันมาก จึงขอเรียนว่า พอเสียทีเถอะ ไม่มีใคร (ประชาชน) ทำผิดตามมาตรการของตัวเอง (รัฐ) ประกาศ นอกจากกลไกของตัวเองไปทำผิดเสียเอง จนสังคมเกิดความชุลมุน วุ่นวายขึ้นมา แล้วควบคุมกันไม่ได้" ประธาน นปช.ระบุ
ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวและนายกฯยังส่งสัญญาณหากเชื้อโควิดไม่ลดแพร่ระบาดแล้วจะเพิ่มมาตรการเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงนั้น จัดเป็นการล็อกดาวน์ประเทศหรือปิดประเทศ แต่หลายคนเสนอก่อนหน้านี้เรื่องการล็อกดาวน์ เพราะสถานการณ์ประเทศเลยเถิดการล็อกดาวน์กันมาแล้ว มาตรการเคอร์ฟิวนั้นมีคนไม่กี่จำพวกนั้นเกิดปัญหาในการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่เกิดกับคนส่วนใหญ่ รวมถึงบังคับมาตรการให้ใส่หน้ากากอนามัย ไม่รู้มาบังคับกันเพื่ออะไร และยังมีมาตรการแจก 5 พันบาทเพื่อคน 3 ล้านคนแต่มีคนลงทะเบียน 21 ล้านคน รวมใช้งบกว่า 3 แสนกว่าล้าน แล้วยังสั่งให้คนไม่มีคุณสมบัติไปถอนชื่อออกเพื่อไม่ให้มีความผิด
ตนคิดว่า มาตรการนี้จะเป็นปัญหา แม้จะแจกให้ได้แค่ 3 ล้านคน จะถูกคน 18 ล้านด่าเอา เพราะวันนี้คนทุกข์ล่วงหน้าไปแล้ว ถ้าล็อกดาวน์กัน 24 ชั่วโมงอีก คนจะไม่มีข้าวกินกันทุกบ้าน เพราะบ้างครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ผมว่าคนไทยจะตายกับการอดตาย และตัวเลขล่าสุดจะมากกว่า 23 ศพที่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดตายเสียอีก ก่อนที่ท่านจะคิดเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงหรือเรียกว่าล็อกดาวน์นั้น ท่านต้องให้เขามีข้าวกินเสียก่อน ถ้าเขายังอด อย่าไปทำเลยเชื่อผม วันนี้ท่านเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 5 เพื่อต้องการจัดการกับมนุษย์บ้างจำพวกเท่านั้นเอง แต่วันนี้มีกลไกเอ็กซ์เรย์กันได้ ตามตัวกันได้ จึงไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์กันแล้ว
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้ายังล็อกดาวน์ควรแก้ปัญหาปากท้องประชาชนให้ได้ก่อน เพราะมีบ้างอาชีพยังทำงานกันได้อยู่ และไม่รู้ว่ารัฐจะจ่ายเงิน 5 พันได้เมื่อไร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้คนเดือดร้อน รัฐควรยกเลิกค่าไฟฟ้าให้ประชาชนดีกว่าลดให้ 3% ทั้งที่การไฟฟ้าทำรายได้ให้รัฐมหาศาล ส่วนการพักหนี้นั้น สถาบันการเงินของรัฐได้พักหนี้ไปแล้ว จึงอยากเห็นสถาบันการเงินเอกชนพักชำระหนี้ตามรัฐ สำหรับคนเช่าบ้าน รัฐต้องมีมาตรการเยียวยา อีกทั้งราคาสินค้า กลุ่มทุนรายใหญ่ควรลดราคาหรือลดกำไรลงมา จะได้ขายปริมาณในจำนวนที่มากขึ้นอีก
"บางคนทั้งตระกูลมีสินทรัพย์เกือบล้านล้านแล้ว มโหฬาร แต่เราต้องการแสดงให้เห็นว่าบรรดาเจ้าสัวทั้งหลายลดกำไรของตัวเองลงมา ซึ่งผมไม่ได้ชวนให้ท่านขาดทุน แต่ยามนี้คนเดือดร้อน มีคนตกงาน 6.5 ล้านคนแล้ว ควรแสดงการลดกำไรลงมาหน่อย" นายจตุพร กล่าว และว่า สรุปความง่ายๆ คือ ถ้ายังแก้ปัญหาปากท้องไม่ได้ ควรใช้กลไกสาธารณสุข มหาดไทย ตรวจสอบ ติดตาม สกัดการแพร่เชื้อไวรัสโควิดได้ เพียงแต่ให้การบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |