'ดร.เฉลิมพล'ออกบทความวิเคราะห์'โควิด-19กับเสรีภาพ'


เพิ่มเพื่อน    

05 เม.ย.2563 - ดร.เฉลิมพล ไวทยางกูร นักวิชาการอิสระ เขียนบทความบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “สังคมมีวินัย สังคมไร้วินัย กับเสรีภาพ...” มีเนื้อหาน่าสนใจระบุว่า ปรากฏการณ์ไวรัสระบาดทั่วโลกขณะนี้ ทำให้เห็นอะไรหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดไม่ได้เห็น

ขณะเดียวกันก็ฟังผู้รู้นักวิชาการดังหลายคนที่ออกมาอธิบายว่าทำไมการระบาดของไวรัสนี้ในประเทศที่พัฒนามากอย่างประเทศในยุโรป ถึงได้รุนแรงมากกว่าที่เกิดในประเทศพัฒนาน้อยกว่าหรือกำลังพัฒนาในเอเซีย
ดูตัวเลขประเทศพัฒนามาก เช่น เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สวิทเซอร์แลนด์ สวีเดน ออสเตรียที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่าหมื่นขึ้นไปและมีผู้เสียชีวิตนับพันคน แม้กระทั่งเดนมาร์ค นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ลักเซมเบิร์กก็มีผู้ติดเชื้อประเทศละหลายพันคน เสียชีวิตหลายร้อยคน

ในขณะเดียวกัน ประเทศที่กำลังพัฒนาหรือพัฒนาแล้วในระยะต้นๆ เช่นไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย จีน หรือแม้กระทั่งประเทศไทย จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตกลับมีน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเสียชีวิตกันในระดับต่ำร้อย หรือถ้าจะมากกว่าร้อยก็เป็นไปตามสัดส่วนประชากรที่มีมาก แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเช่นไต้หวันเสียชีวิต 5 ฮ่องกงเสียชีวิต 4 สิงคโปร์เสียชีวิต 3 แม้กระทั่งประเทศไทยก็ไม่ถึง20 คน (นับถึงวันที่ 1/4 เท่านั้น)

ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องการดูแลสุขภาพและระบบสาธารณสุข ประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่มยุโรปนั้นเหนือกว่าประเทศที่เพิ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่นานหรือกำลังพัฒนาในแถบเอเชียอย่างมากไม่ว่าในเรื่องการรักษาพยาบาล ความสะอาดถูกสุขลักษณะ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ความรู้ในเรื่องสุขภาพของประชาชน การศึกษาสูง ประชาชนมีความสุข มีอิสรเสรี บ้านเมืองไม่ค่อยมีโจรผู้ร้าย คนจนน้อยหรือไม่มี คุณภาพชีวิตอยู่ในระดับสุดยอดของโลก

แต่เมื่อเกิดโรคระบาดครั้งนี้กลับป่วยและเสียชีวิตมากกว่าเป็นเท่าตัว คำอธิบายหนึ่งที่น่าคิดคือเรื่องการมีวินัย และเสรีภาพ...ประเทศยุโรปนั้น ประชาชนมีอิสรเสรีมาก รัฐบาลตามใจประชาชนเพราะคนของเขามีการศึกษาสูง รู้ดีรู้ชั่ว ไม่ต้องออกกฎหมายมาบังคับมากมาย คนไม่ค่อยกระทำความผิด ขนาดคุกยังต้องปิดตัวเพราะไม่มีนักโทษให้ขัง มีโสเภณีอย่างถูกกฎหมาย สูบกัญชาได้เกือบจะเสรี ไม่มีขยะให้เก็บ

ในขณะที่ประเทศในแถบเอเชียยังอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลไม่เสรีทุกเรื่อง และยังมีโทษตามกฎหมาย รัฐบาลออกกฎหมายที่มีสภาพบังคับเป็นครั้งคราวถ้าไม่ทำตามถูกลงโทษได้

สิ่งนี้ทำให้ประชาชนในประเทศยุโรปกลายเป็นประชาชนที่ไม่มีวินัย ขาดการบังคับตนเอง ทำอะไรอย่างเสรี แม้รัฐบาลบอกให้ควบคุมตัวเองก็ไม่ทำ ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระเหมือนปกติ บางประเทศเช่นสวีเดนนั้น เกือบไม่มีการกักกันอะไรเลย การชุมนุมเพื่อกิจกรรมต่างๆทำได้ถึง 500 คนรวมกัน อยากไปไหนก็ไป อยากดื่มกินที่ไหน อยากสูบกัญชาที่ไหน ใช้หญิงบริการที่ไหนทำได้ทั้งสิ้น

พอเกิดโรคระบาด ถึงรัฐบาลจะพูดอย่างไร ประชาชนที่เคยชินจากการที่เป็นตัวของตัวเองก็ไม่สนใจฟังรัฐบาล
ในที่สุดการระบาดของไวรัสจึงเกิดและขยายตัวอย่างมากและรวดเร็ว

ในขณะที่ประเทศที่มีวินัยจะโดยทั้งมีวินัยด้วยตัวเองหรือตามคำแนะนำที่เข้มงวดของรัฐบาลก็ตาม สามารถหยุดการแพร่กระจายโรคระบาดได้ดีกว่า เรื่องของวินัยนี้ บางครั้งก็ออกจะขัดกับเรื่องของเสรีภาพ

โดยทั่วไปประเทศเสรีนิยมก็จะพูดว่าเรื่องเสรีภาพของประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งประเทศมีเสรีภาพเท่าไรยิ่งแสดงถึงพัฒนาการของสังคมมากเท่านั้น แต่การมีเสรีภาพที่ขาดวินัย บางครั้งก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายเกินกว่าที่จะคิด

บางครั้งการมีวินัย หรือถูกทำให้มีวินัย อาจดีกว่ายอมปล่อยให้มีเสรีภาพอย่างไม่มีการควบคุม...ดังเช่นปัญหาโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"