5 เม.ย.63-นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึง 7 วันในการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ1 วันสำหรับการประกาศเคอร์ฟิวว่า โควิด-19 ยังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต แน่นอนว่าต้องใช้เวลา ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคน กรณีคนไทยและต่างชาติจำนวนหนึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าสู่มาตรการกักตัวของรัฐบาล ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ต้องตามหาตัวแจ้งความดำเนินคดีวุ่นวาย ถ้าเปรียบเทียบเป็นสงคราม หลักการสำคัญอย่างหนึ่งในยามศึกสงครามคือ ทุกประเทศต้องพาคนของตนกลับบ้าน สงครามไวรัสคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อหลักการชัดเจน ปัญหาจึงอยู่ที่การบริหารจัดการ ต้องอธิบายให้ชัดว่า มาตรการกักตัวคืออย่างไร จะไปที่ไหน อยู่กินกันแบบใด ไม่ใช่มาถึงต้องรอกัน 4-5 ชั่วโมง ถามอะไรก็ไม่มีใครตอบได้ เกิดเหตุโกลาหลวุ่นวาย สุดท้ายควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กลายเป็นเรื่องวิตกกังวลกันทั้งประเทศ ที่สำคัญคือ การทำความเข้าใจกับคนไทยทุกคนว่า กลับเข้ามาแล้วจะต้องรับมาตรการแบบไหน ต้องให้ความร่วมมืออย่างไร เรื่องนี้พี่น้องชาวไทยในต่างแดนก็ต้องชัด ถ้าท่านกลับมาในประเทศไทยไม่มีใครขัดขวาง แต่กลับมาแล้วจะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวโดยรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ท่านกลับบ้าน เชื่อว่าไม่มีใครขับไล่ แต่ถ้าท่านไม่ให้ความร่วมมือ คนไทยส่วนใหญ่ก็วิตกกังวล
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลก็ต้องทำงานให้ชัดเจนเด็ดขาดสมกับอำนาจเต็มมือ ก่อนประกาศเคอร์ฟิวต้องรู้แล้วว่าผลที่ตามมาคืออะไร คนไทยที่กำลังเดินทางกลับเข้ามาจะจัดการกันแบบไหน 4-5 ชั่วโมงที่เผชิญหน้ากันที่สนามบินคือคำอธิบายว่า รัฐบาลไม่ได้มีการจัดการที่ดีรองรับไว้ เรื่องสถานที่กักตัว ไม่คาดหวังความเลิศหรูสะดวกสบาย แต่คนที่เดินทางกลับเข้ามาเขาต้องการความสะดวกและปลอดภัย ขอให้แยกกันอยู่ แยกกันกิน แยกกันใช้ ไม่ใช่เอาไปนอนครอบมุ้งแล้วกักตัวนอนเรียงกันอย่างที่เคยมี ถ้าเป็นแบบนั้นจะให้ใครไปก็ทำใจลำบาก ถามว่านายทหารที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง คนสำคัญในรัฐบาล คนใหญ่คนโตในหลายหน่วยงานที่กักตัวอยู่ในเวลานี้ ถ้ารัฐเอาไปครอบมุ้งนอนเรียงกันอย่างนั้นท่านจะไปไหม นี่เป็นเรื่องระดับหัวใจสำคัญของปัญหา ถ้ายังจัดการกับคนที่จะเข้ามาจากต่างประเทศไม่ได้ชัดเจนเด็ดขาด ปัญหานี้ก็จะไม่มีทางหมดไป
"การรับมือสถานการณ์วิกฤตไม่ได้อยู่ที่มีอำนาจมากแค่ไหน แต่อยู่ที่จะใช้อำนาจอย่างไร มีดถ้าคมต้องฟันฉับเดียวแล้วจบ ไม่ใช่เชือดไปเชือดมาจนเกิดปัญหาใหม่ หาจุดจบไม่ได้ ถึงตรงนี้รัฐบาลประกาศมาตรการอะไรมาประชาชนส่วนใหญ่เขาพร้อมรับอยู่แล้ว แต่รัฐบาลต้องทำให้เห็นว่า เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการแล้วเกมเปลี่ยน สถานการณ์ดีขึ้น ไม่ใช่ขู่ล่วงหน้าว่าถ้าเคอร์ฟิว4ทุ่มถึงตี4ไม่ดีขึ้น ต่อไปจะ 24 ชั่วโมงทั้งประเทศ ถ้าเป็นแบบนั้นท่านจัดการได้หรือไม่ เคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง คนอยู่ในบ้านตลอดเวลา จะกินจะอยู่กันอย่างไร จะดูแลกันแบบไหน ร้อยกว่าคนที่สุวรรณภูมิยังมีปัญหา 70 กว่าล้านคนทั่วประเทศไทยเป็นไปไม่ได้แน่ๆ โรคร้ายต้องใช้ยาแรง แต่ยาแรงที่ใช้ต้องถูกกับสถานการณ์ด้วย"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องกักตุนหน้ากาก เรื่องไข่ไก่ขาดแคลนราคาแพง แดงขึ้นมาก็เพราะการตรวจสอบของประชาชน เรื่องรัฐบาลจะซื้อเรือยกพลขึ้นบก ต้องถอนออกจากครม. เพราะประชาชนเขาก็ส่งเสียงไป อะไรทำถูกและได้ผลเดินหน้าเถอะ ประชาชนสนับสนุนเต็มที่ แต่อะไรที่ทำแล้วยังเห็นว่าเป็นปัญหา รัฐบาลก็ควรจะสดับตรับฟังกันบ้าง หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยืนให้นิ่ง อย่ายุกยิกยึกยัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรมว.กลาโหม เป็นนายกฯ เซ็นวาระแบบเรือยกพลขึ้นบกเข้าครม.ยามนี้ได้อย่างไร
"รัฐบาลรณรงค์ออกคำขวัญ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ห้ามการเดินทาง ตั้งด่านสกัด ไม่ให้คนไปไหนมาไหน แต่กระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งย้ายนายอำเถอทั่วประเทศให้มีผลเดินทางวันที่ 7 เม.ย. ไปแล้วต้องกักตัวกันหรือไม่ คนเป็นนายอำเภอในยามนี้ต้องประชุมหน่วยราชการ ต้องลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์เคอร์ฟิวและอื่นๆ อีกมากมาย เล่นย้ายข้ามห้วยข้ามแดนกันแบบนี้เต็มบ้านเต็มเมืองจะกลายเป็นปัญหาใหม่ คือการเคลื่อนย้ายของกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ขณะที่มาตรการเศรษฐกิจที่ออกมาอาจจะเรียกว่าบาซูก้าแบบนักวิชาการบางคนพูดก็ได้ เพราะประมาณการตัวเลขถึง 10% ของ GDP ด้วยงบประมาณขนาดนี้ วางยุทธศาสตร์กันดีๆ อาจลดผลกระทบได้ เรามีศักยภาพเรื่องการผลิตอาหาร เราเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม รัฐบาลต้องแสวงหาโอกาสให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ยังทำงานได้เดินได้ต่อไป แต่เฉพาะหน้าการดูแลปากท้องคนไทยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนกลัวโควิดแน่ๆ แต่กลัวอดมากกว่า เพราะเป็นโควิดมีโอกาสรักษาหาย แต่ถ้าไม่มีกินตายแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย แจกเดือนละ 5 พันบาท ตรวจสอบคุณสมบัติกันแล้วเงินต้องถึงตัวโดยเร็ว ข้อเสนอจากผู้ได้รับผลกระทบ รัฐบาลก็ต้องรีบหยิบมาพิจารณา"
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนกลไกของรัฐบาลวันนี้ รัฐมนตรีทั้งหลายมีหน้าที่ร่วมประชุมครม.แบบออนไลน์ เป็นองค์ประกอบให้ผ่านมติไปเท่านั้น 36 คนใน ครม. ที่เห็นบทบาทกันจริงๆ เพียงไม่กี่คน รัฐมนตรีแต่ละคนจบการศึกษาระดับไหนไม่ทราบ แต่รัฐบาลเวลานี้บริหารโดย ปวส. โดย ป. คือ 3 ป. ส่วน ว. คือ วิษณุ และ ส. คือ สมคิด ขณะที่ อ. อนุทิน และ จ. จุรินทร์ เวลานี้ถูก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เบียดให้ชิดซ้าย ขนาดนายจุรินทร์ไปตระเวนจับไข่ เขายังยึดอำนาจไปใส่ในมือกระทรวงมหาดไทย จับไข่ยังลำบากเลย เรื่องนี้ในระยะยาวจะกลายเป็นคลื่นใต้น้ำในรัฐบาลหรือไม่ต้องติดตามกัน แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณควันลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาแล้วที่กระทรวงสาธารณสุข วันก่อนนายอนุทินสั่งตั้งกรรมการสอบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เรื่องไปอนุมัติคุณสมบัติเครื่องตรวจโรคอย่างง่าย เท่านั้นยังไม่พอ นายศุภชัย ใจสมุทร และนายภราดร ปริศนานันทกุล เดินขึ้นบันไดป.ป.ช. ยื่นร้องให้ป.ป.ช.สอบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในกรณีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันว่าเอาใจช่วยรัฐบาล ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ได้ หลายเรื่องที่พูดมาก็ด้วยความห่วงใยจากหัวใจจริงๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |