ฝ่ายประชาธิปไตยซ่อนเร้น ไม่พอใจมาตรการคัดกรองไทย-เทศเดินทางเข้าประเทศไทย "วัฒนา" เดือดหนักมาก ลูกสาวกลับไม่ได้ ด่ากราด "บิ๊กตู่" เฮงซวยออกคำสั่งโง่ๆ ถ่วงความเจริญ โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้ตัวเองว่าโง่ ด้าน "น้องโบว์" แตะมือ สวดยับขัดรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง "แก้วสรร" ดีดปาก เสรีชนบ้าๆ บอๆ งี่เง่า เกะกะ กวนตีน
    มาตรการการคัดกรองประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางจากต่างประเทศ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้สร้างความไม่พอใจให้กับนักการเมืองฝ่ายค้านบางคน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมาก พร้อมกับโจมตีว่ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ออกคำสั่งโง่ๆ
    เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า น้องเฟ หรือนางสาววีรดา เมืองสุข ลูกสาวผมจะเดินทางกลับประเทศไทย ได้จองตั๋วเดินทาง จากนั้นได้รับใบรับรองแพทย์ว่าพร้อมบิน (fit to fly) และได้รับหนังสือรับรองจากสถานกงสุลไทยประจำนครนิวยอร์ก ซึ่งออกให้ก่อนที่พลเอกประยุทธ์จะมีคำสั่งให้ชะลอการเดินทาง 
    ขณะที่อยู่บนเครื่องกำลังจะออกจากนิวยอร์กเมื่อเวลา 14.00 น. หรือเวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย น้องเฟถูกเจ้าหน้าที่สายการบินสั่งให้ลงจากเครื่อง เพราะสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยมีคำสั่งห้ามเครื่องบินบินเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 4-6 เมษายน นี่เป็นอีกตัวอย่างของการบริหารและการออกคำสั่งโง่ๆ ของพลเอกประยุทธ์ ดังนี้
    (1) การออกคำสั่งให้สถานทูตชะลอการเดินทางเข้าประเทศของคนไทยไปจนถึงวันที่ 16 เมษายน เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่มีมนุษยที่ไหนทำกัน เพราะทุกประเทศมีแต่หาทางไปรับคนของตัวเองกลับบ้าน ล่าสุดเมื่อคืนนี้เยอรมันส่งเครื่องบินมารับคนกลับ โดยทูตมาส่งด้วยตัวเองถึงสนามบิน แต่สมองของประยุทธ์คิดกลับทางคือไม่ให้คนไทยกลับบ้าน โดยไม่ได้คิดว่าคนไทยจะอยู่อย่างไร มีวีซ่าหรือไม่ พักที่ไหน และจะเอาอะไรกิน
    (2) การออกคำสั่งให้นำคนที่เดินทางเข้าประเทศไปกักตัวโดยรัฐ (state quarantine) แต่ไม่ได้แจ้งเงื่อนไขให้ผู้เดินทางทราบ และไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า จึงทำให้ผู้เดินทางไม่ยอม สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เข้าประเทศโดยให้ไปกักตัวเอาเองแล้วโทษกระทรวงต่างประเทศว่าฝ่าฝืนคำสั่ง ทั้งที่เอกสารจากสถานทูตออกให้ก่อนประยุทธ์จะมีคำสั่งทั้งสิ้น
    (3) พอเกิดปัญหาจากความห่วยของรัฐบาล ก็สั่งให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามเครื่องบินบินเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน โดยไม่มีมาตรการว่าสำหรับคนที่ได้รับอนุญาตแล้วจะทำอย่างไร เพราะใบรับรองแพทย์มีอายุแค่ 72 ชั่วโมง ที่สำคัญคือคนที่ออกเดินทางแล้วแต่ต้องต่อเที่ยวบินทำให้ติดอยู่กลางทาง เพราะคำสั่งห้ามบินทำให้เที่ยวบินที่จะมาไทยงดเดินทาง คนไทยเหล่านั้นจะอยู่อย่างไร และจะเอาอะไรกินอีก 3 วัน
โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้ตัวเองว่าโง่
    (4) ขณะนี้มีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน (AFS) ที่ติดอยู่ต่างประเทศรอการกลับไทยจำนวนมาก ซึ่งนักเรียนเหล่านี้จะมีปัญหาทั้งวีซ่าที่จะหมดอายุ หรือความจำเป็นในเรื่องที่อยู่และค่าใช้จ่ายแต่สมองของประยุทธ์ไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ออก
    "ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากคงได้รับบทเรียนจากความเฮงซวยและไร้ปัญญาของรัฐบาลประยุทธ์ แถมยังไร้สำนึก ขนาดประชาชนจะตายด้วยโรคระบาดรัฐบาลก็ยังกล้าเข็นเรื่องซื้ออาวุธเข้า ครม. โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ส่วนปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงล้วนเกิดจากความผิดของรัฐบาลทั้งสิ้น เริ่มจากสนามมวยลุมพินีที่เป็นของกองทัพบกฝ่าฝืนคำสั่งจนเกิดการระบาด ตามมาด้วยการออกคำสั่งปิดกิจการโดยไม่มีมาตรการรองรับ ทำให้คนหนีตายกลับต่างจังหวัด เลยพาเชื้อไประบาดต่างจังหวัดด้วย แต่แทนที่จะโทษความโง่ของตัวเอง กลับโทษและออกมาข่มขู่ประชาชน เป็นรัฐบาลที่ถ่วงความเจริญและโง่ถึงขนาดที่ไม่รู้ตัวเองว่าโง่" นายวัฒนาโจมตี
    ด้านณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน อดีตคนรักนายวัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ว่า ใครติดตามเรื่องความวุ่นวายจากการสั่งยกเลิกเที่ยวบินทันที 3 วัน ก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมาไม่กี่นาที ร่วมอัพเดตกันได้ค่ะ
    นักเรียนและคนไทยในต่างแดนตอนนี้ตกอยู่ในความลำบากมากจริงๆ เที่ยวบินที่กำลังจะบินเข้าไทยสามวันนี้จะถูกยกเลิกทันที และหลายคนที่อยู่ระหว่างการบินไปต่อเครื่องในอีกประเทศจะต้องตกค้างกลางทาง โดยรัฐบาลสั่งสถานทูตไม่ให้ออกใบอนุญาตบินอีกถึง 15 เม.ย.
    เป็นผลจากการออกคำสั่งชุ่ยๆ แบบคิดไม่จบ ไม่เตรียมการรองรับ ขาดประสิทธิภาพ มีช่องโหว่ในการสื่อสารและขอบเขตความรับผิดชอบระหว่างทีมงาน ไม่ต่างจากครั้งมีคำสั่งหยุดงานใน กทม. ที่ทำให้คนแห่ออกต่างจังหวัดอย่างไม่มีแผนรองรับ
    เธอยังระบุว่า ปัญหาเมื่อหัวค่ำที่สนามบินที่คนไทยที่เพิ่งมาถึงจะไม่ยอมถูกนำไปกักตัวที่สัตหีบนั้น ประเด็นคือคนล็อตนี้ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า เพราะเขาได้ใบอนุญาตมาก่อนที่รัฐจะมีคำสั่งชะลอการเดินทางอย่างฉุกละหุก และมีคำสั่งกักตัวโดยรัฐ (state quarantine) ตามมา เขาบินออกมาแล้ว แถมมีความสับสนหลายชั่วโมงที่สนามบิน ก่อนจะได้รู้ว่าจะถูกนำตัวไปที่ไหน (หากมีการเตรียมการ ย่อมมีรถตู้รับจากบันไดเครื่องแล้ว และ จนท.จะรู้อำนาจของตน ไม่ใช่ปล่อยให้เดินว่อนสนามบินจนถึงเกต เจอหน้าพ่อแม่แล้วค่อยมากันตัว)
    ถ้าเคยเห็นภาพสถานที่ที่เคยให้คนไทยจากเกาหลีกักตัวนอนรวมกันอย่างอนาถา มันคือสถานเพาะเชื้อชัดๆ โชคดีที่ผีน้อยทั้งหมดไม่มีคนติดเชื้อมาแม้แต่คนเดียว วันนี้ชัดเจนว่ารัฐยังไม่พร้อมเรื่องสถานที่ จึงได้สั่งสถานทูตระงับการออกใบอนุญาต กีดกันไม่ให้คนไทยกลับบ้านถึง 14 วัน
    แต่คนล็อตที่กำลังจะออกมานี้ (ได้ใบอนุญาตก่อนประกาศเช่นกัน แต่กำลังจะบิน) เขาได้ทราบมาตรการกักกันและยอมรับเงื่อนไขแล้ว แต่กลับถูกทำให้ตกค้างด้วยคำสั่งล่าสุดคืนนี้
    นี่คือความไร้ประสิทธิภาพในระดับเหลือเชื่อ ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องเสี่ยงชีวิต
ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
    น.ส.ณัฏฐายังโพสต์ด้วยว่า "สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับนักเรียนและคนไทยในต่างแดน ขัดรัฐธรรมนูญ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง"
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ที่ออกระเบียบขัดขวางคนไทยในต่างประเทศไม่ให้กลับบ้านได้ ก็ผิดอยู่แล้ว ตอนนี้ให้ชะลอ ชะลอก็คือห้ามชั่วคราว ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน คนไทยต้องได้กลับบ้าน ถึงยังไงผมก็ยังยืนยันอย่างนี้ครับ"
    โพสต์ดังกล่าวนี้ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ได้ตอบโต้นายจาตุรนต์ผ่านเฟซบุ๊กเช่นกันว่า "คุณจาตุรนต์ครับ ผมก็เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน และเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่อาจจะรักประเทศไทยมากกว่าคุณ และผมก็กลัวโรคร้ายอันตรายที่หนักที่สุดในรอบ 100 ปีของประเทศ แต่ผมคิดว่าประเทศไทยและรัฐบาลมิได้ห้ามคนไทยกลับประเทศ แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องเข้าเกณฑ์กักตัว 14 วัน ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และทางรัฐบาลก็ได้เตรียมจัดหาสถานที่ให้สำหรับการกักตัว แต่คงไม่สุขสบายเหมือนบ้านตัวเอง
    ผมว่าคนระดับคุณจาตุรนต์คงเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจถ้าอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดครับ ช่วงเวลานี้ เราควรจะสามัคคี ต่อสู้กันเพื่อให้ประเทศเราพ้นวิกฤติ กันดีกว่ามาบ่อนทำลายน้ำใจกัน และผมว่าคุณจาตุรนต์ทราบว่าประเทศไทยอยู่ในฐานะอะไรในปัจจุบัน
         1.เผชิญโรคร้ายอันตรายที่หนักที่สุดในรอบ 100 ปี
         2.หมอพยาบาล จนท.สาธารณสุข ทำงานกันอย่างหนักหน่วง น่าเห็นใจ และควรให้กำลังใจเขาเหล่านั้น
         แต่เมื่อนักเดินทาง ไม่ว่าคนไทย หรือต่างประเทศ เมื่อเดินทางมายังประเทศไทย หรือพูดง่ายๆ ว่ามาเหยียบผืนปฐพีแผ่นดินไทย ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมาปฏิเสธที่จะไม่เข้ารับการกักตัวตามมาตรการของรัฐบาลที่ได้ประกาศไว้ ก่อนที่พวกคุณจะเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ.....แล้วจะมาอ้างว่า ไม่รู้ว่ามีมาตรการไม่ได้ กรุณาอย่าโคตรเห็นแก่ตัวเลย หรือแกล้งโง่ !!!!!!!
        ผมว่าพวกที่เดินทางกลับประเทศไทยคราวนี้ รวยๆ ทั้งนั้น แถมมีนายพลจากกองทัพหนุนหลังให้ปล่อยนักท่องเที่ยวเหล่านั้นกลับไปกักตัวที่บ้านเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่เขาปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นอึดอัด ไม่สามารถมีปากเสียงได้ จำเป็นต้องปล่อยตัวตามที่ท่านนายพลบอกก็แล้วกัน (จะว่าสั่งเดี๋ยวจะเว่อร์เกินความจริงไป) แต่ทำไมท่านนายพลตรีท่านนั้น คิดได้อย่างไรที่อนุญาตให้กลับไปกักตัวเองที่บ้าน ผมเชื่อว่าร้อยละห้าเท่านั้นที่ทำตามที่ท่านบอก นอกนั้น รับรองไม่กักตัว และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนอาจควบคุมได้ยาก
         ท่านนายพล no name ครับ ถ้าประเทศชาติมีนายพลที่ฉลาด (น้อย) ในกองทัพเช่นนี้ ลุอำนาจ สามารถที่ฝ่าฝืนคำสั่ง รัฐบาลฯ...... มิน่า ทางฝ่ายตรงข้ามรัฐถึงมีคำถามว่ามีทหารไว้ ทำไม
    ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขียนบทความเรื่อง สิทธิเสรีภาพพื้นฐานในสถานการณ์ COVID โดยระบุตอนหนึ่งว่า ยอดที่ตายเพราะป่วยจนล้นเกินศักยภาพที่โรงพยาบาลมีอยู่นี้ ทางระบาดวิทยาเขาถือเป็น  “Avoidable Death” คือความตายที่หลีกเลี่ยงได้ ถ้าทุกคนช่วยกันรับมือ โดยยอมทำตามมาตรการป้องกันโรคของส่วนรวม ที่รัฐกำหนดขึ้น
    เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ความตายของ Avoidable Death จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ เกิดขึ้นเมื่อใดทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเฮงซวยของตนด้วย ส่วนเสรีชนคนไหนจะคิดว่ากูตายก็เรื่องของกู ก็เชิญคิดไปตามสบาย 
    "อันที่จริง..ตายเสียได้ก็ดี เสรีชนบ้าๆ บอๆ งี่เง่า เกะกะ กวนตีน แบบนี้".