หนีกักตัวคุก2ปี! รืิ้อ‘ศูนย์สุวรรณภูมิ’ทหาร-ตร.บัญชาการ


เพิ่มเพื่อน    

 รื้อใหญ่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( EOC) หลังปล่อย 152 คนไทยออกจากสนามบินโดยไม่กักตัว เรียก "พล.ต.โกศล ชูใจ" กลับกลาโหม ตั้งกรรมการสอบ ศบค.ส่ง  "บิ๊กเบิร์ด" รองเสนาธิการทหารเข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองแทน  คมนาคมถอดบทเรียน ให้ทหาร-ตำรวจดูแลการกักตัวเป็นการเฉพาะ โฆษก ตร.ลั่นใครไม่รายงานตัวเจอคุก 2 ปี

    เมื่อวันที่ 4 เมษายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งผ่านไปอย่างดีในระดับหนึ่ง นอกจากนั้น นายกฯ ห่วงคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศที่สุวรรณภูมิ ซึ่งมีเหตุขัดข้องมีปัญหาไม่เข้าใจกัน นายกฯ จึงได้สั่งการว่าไม่ควรให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก 
    นพ.ทวีศิลป์เผยว่า การประชุม ศบค.เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานตัวเลข 158 คนไทย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องรับทราบอยู่แล้วว่าต้องถูกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ แต่เมื่อเดินทางมาถึงมีความไม่เข้าใจและมีการต่อรองไม่ขออยู่ ไม่ร่วมมือ อ้างเหตุผลว่าไม่ได้ทราบมาก่อน จะขอกลับไปอยู่บ้านพักตัวเองก่อน ซึ่งมีเพียง 6 รายที่ยินยอมกักตัวอยู่ในพื้นที่รัฐจัดไว้ให้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกทม.     
    ทั้งนี้ คำสั่งจากที่ประชุม ศบค.ระบุว่า ต้องกักตัวในพื้นที่ของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเรียกอีก 152 คนกลับมารายงานตัวทั้งหมด โดยที่กรุงเทพฯ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือถ้ามีการสัมผัสตัวญาติให้มารายงานตัวทั้งครอบครัว จะได้มีการบันทึกสอบสวนโรค หรือโทรศัพท์สอบถามที่เบอร์ 0-2132-9950 และเบอร์ 06-3234-4734 ส่วนคนที่เดินทางไปต่างจังหวัดให้ติดต่อที่ศูนย์ดำรงธรรมในจังหวัด ภายในเวลา 18.00 น. วันเดียวกันนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เนื่องจากทางสำนักงานการบินพลเรือนมีประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าประเทศไทยชั่วคราวในวันที่ 4-6 เม.ย.นั้น ผู้ที่ติดค้างสามารถติดต่อไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆเพื่อรายงานตัวและขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ขอเวลา 3 วันไม่ให้มีการนำเข้าอากาศยานมาที่ประเทศไทย เพื่อเตรียมมาตรการรองรับให้เป็นอย่างดี
    เมื่อถามว่า มีข้อมูลกลุ่มคนไทยจะเดินทางเข้ามาในประเทศอีกหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ตอบว่า จะมีคนที่เข้ามา ซึ่งขออนุญาตไว้ล่วงหน้าก่อนหน้าคือจากพิธีทางศาสนาอินโดนีเซียกว่า 100 คน มาเลเซีย 83 คน กลุ่มนักเรียนสหรัฐอเมริกาอีกหลักร้อย แต่ทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการเซ็นหนังสือยินยอมอยู่ในพื้นที่ทางรัฐจัดให้ 14 วัน 
    ถามถึงกรณีที่มีการสื่อสารและโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่านายกฯ สั่งด่วนใช้กำลังทหารและตำรวจติดตามตัวผู้ที่หลบหนีอยู่นั้น มีข้อเท็จจริงอย่างไร โฆษก ศบค.ตอบว่า ถ้าจะตีความและพาดหัวข่าวในลักษณะดังกล่าวก็มีส่วนถูกต้อง แต่ไม่ได้ทั้งหมด ยอมรับว่านายกฯ ได้สั่งการจริง ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ในการประชุมเร่งด่วน ที่มีทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือนมาประชุมเร่งด่วน เพื่อสร้างมาตรการดังกล่าวให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐเข้มแข็งและเอาจริง จะไม่ยอมให้มีการละเมิดกฎระเบียบที่มีอยู่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ถูกสั่งการโดยวันเดียวกันนี้เลขาฯ สมช.เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามให้ได้ทุกคน และถ้าไม่มาถือว่ามีความผิด 
เปิดไทม์ไลน์ 158 คนไทย
    “เราไม่อยากจะลงโทษกับพวกท่าน เราเป็นห่วงเป็นใยทุกคนต่างหากถึงได้ตามทุกคนมา เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานด้านความมั่นคงร่วมมือผนึกกำลังกันทำงาน และทุกคนไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ยังทำทุกอย่างเพื่อประเทศ เพราะตัวเลขทั้งหลายที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากกลุ่มคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
    ขณะที่ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยว่า จากที่รับรายงานทราบว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา มีเที่ยวบินที่พากลุ่มผู้โดยสารชาวไทยกว่าร้อยคนกลับจากต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น กาตาร์ และสิงคโปร์ เข้ามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองโรคเป็นรายบุคคลอย่างละเอียด
     เริ่มตั้งแต่ด่านแรกคือเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ที่เป็นผู้มีอำนาจควบคุมสถานการณ์สูงสุด ทำหน้าที่ตรวจวัดไข้ เอกสารใบรับรองแพทย์ และอื่นๆ ก่อนจะเข้ามาด่านที่ 2 ของสนามบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ติดตั้งแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือไว้สำหรับติดตามตัว และด่านสุดท้ายคือด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะตรวจหนังสือเดินทาง วีซ่าตราประทับ หากไม่พบประวัติหรือข้อมูลผิดปกติ ผู้โดยสารรายนั้นก็จะเข้าไปรอรับกระเป๋าต่อไป
        ทั้งนี้ ขั้นตอนการตรวจคัดกรองดังกล่าวต้องทำเป็นรายบุคคล ซึ่งทำให้ใช้เวลามาก ประกอบกับเริ่มมีผู้โดยสารเที่ยวบิน (ขาเข้า) ต่างประเทศมาสะสมจำนวนมาก ทำให้ญาติที่รอรับและตัวผู้โดยสารที่เดินทางกลับเกิดความไม่พอใจ จึงเริ่มกดดันเจ้าหน้าที่ เมื่อชี้แจงว่าต้องถูกไปกักตัวที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้โดยสาร เนื่องจากพวกเขาทราบมาว่าสามารถกลับไปกักตัวที่บ้านได้ กระทั่งได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวกลับบ้าน จนเหตุการณ์เริ่มมาคลี่คลายลงช่วง 20.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย.
        อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุขึ้นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายก็เร่งหารือกัน เนื่องจากทราบว่าจะมีเที่ยวบินจากประเทศเกาหลีใต้เข้ามาช่วง 23.00 น. และมีผู้โดยสาร 213 คน จากนั้นจึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่แบ่งเป็นชุดละ 6 คน เข้าไปกันผู้โดยสารกลุ่มนี้ขึ้นรถบัสเดินทางไปกักตัวที่ฐานทัพเรือ อ.สัตหีบ โดยไม่ให้พบญาติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ตอนแรกผู้โดยสารก็ไม่เข้าใจ แต่ได้อธิบายจนยินยอมในที่สุด
        ทั้งนี้ สำหรับผู้โดยสารที่มาจาก 5 เที่ยวบินที่เกิดปัญหานั้น ส่วนมากจะเป็นนักเรียนนักศึกษา ขณะที่บางส่วนก็เป็นนักท่องเที่ยวหรือบุคคลที่ไปทำงาน และเปลี่ยนเที่ยวบินจากประเทศต้นทางมาก่อน
     พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ เพื่อแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ และหลบการเดินทางไปกักตัว โดยจะมีการคัดรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดส่งไปยังจังหวัดของผู้โดยสารที่หลบหนี
         ผบช.สตม.ฝากขอความร่วมมือให้เดินทางไปรายงานตัวยังสถานีตำรวจในพื้นที่ของตนเอง เพื่อให้เห็นแก่ส่วนรวม เนื่องจากพบว่ามีผู้โดยสารที่มีไข้เดินทางมากับสายการบินดังกล่าว  ในขณะเดียวกันมีผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้จำนวน 213 คน ได้ให้ความร่วมมือที่จะเดินทางไปกักตัวยังสถานที่ที่จะเอาไว้ให้ โดยจะอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามกำหนดระยะเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไม่ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
ตั้งกรรมการสอบ "พล.ต.โกศล" 
    ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้เรียกตัว พล.ต.โกศล ชูใจ และกำลังพลที่เกี่ยวข้อง กลับจากการปฏิบัติหน้าที่ทันที และสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะหากมีการใช้อำนาจเกินหน้าที่ จะดำเนินการลงโทษตามความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป
    พล.ท.คงชีพกล่าวว่า กห.จัดกำลังพลเข้าไปสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการทำหน้าที่ร่วมคัดกรองโรค สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง พร้อมทั้งทำหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองและจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรค ตามมาตรการของรัฐที่กำหนด (State Quarantine) เพื่อนำเข้าพื้นที่ควบคุมโรคต่อไป
    แต่เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้มีคำสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนจากทุกเที่ยวบินที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ต้องเข้าอยู่ภายใต้กระบวนการควบคุมโรคของรัฐที่กำหนด ขณะเดียวกัน การปฏิบัติงานของทุกส่วนราชการในการรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 รายวัน อาจมีรอยต่อของการปฏิบัติงาน และการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในวันดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบล่วงหน้า
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศบค.อยู่ระหว่างการปรับแผนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานให้รัดกุมมากขึ้น และมีกลไกให้ชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาช่วงรอยต่อที่ส่งต่องาน เพราะหน่วยงานที่ท่าอากาศยานมีหลากหลายหน่วยงาน เพื่อลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานในการประสานงาน โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารต่างๆ ที่ต้องชัดเจน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้โดยสารต้องรอที่ท่ากาศยานนานหลายชั่วโมง
    ทั้งนี้ มีรายงานจากที่ประชุม ศบค.ของรัฐบาล ให้ พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธ์ หรือ "บิ๊กเบิร์ด" รองเสนาธิการทหาร เข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและอำนวยความสะดวกประชาชน ที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ EOC ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว และดูแลท่าอากาศยานดอนเมืองด้วย
    นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จำเป็นต้องถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของ EOC ในส่วนของพื้นที่การคัดกรองด้านใน เจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย เจ้าของพื้นที่ คือสามารถจัดการดูแลพื้นที่ได้ แต่เมื่อออกมาด้านนอก ซึ่งจะต้องมีการนำผู้โดยสารไปกักตัวตามมาตรการนั้น จำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารฝ่ายความมั่นคงเข้ามาบัญชาการเหตุการณ์
    "โดยส่วนตัวเห็นว่าศูนย์ EOC จำเป็นต้องปรับรูปแบบการจัดการ ให้มีการประสานความร่วมมือมากขึ้น และให้มีผู้บัญชาการเหตุการณ์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง เพื่อการทำงาน การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลในทางปฏิบัติชัดเจนยิ่งขึ้น" นายชัยวัฒน์กล่าว
    โดยปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า สถานการณ์การป้องกันการระบาดไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ และมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หน่วยงานภาครัฐขอเน้นย้ำให้ประชาชนทั่วไปหรือผู้โดยสารที่เดินทางต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การป้องกันการระบาดประสบผลสำเร็จ
ผู้โดยสารที่ค้างท่อ 
    ส่วนประเด็นที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. มีการออกประกาศไม่ให้เที่ยวบินพาณิชย์จากต่างประเทศเดินทางเข้าไทยจนถึงวันที่ 6 เม.ย.หรือ 3 วัน โดยแนวปฏิบัติหลังจากครบกำหนดจะต้องดำเนินการอย่างไรนั้น ปลัดกระทรวงคมนาคมระบุว่า ประกาศของ กพท.ที่ออกมา ก็เพื่อแก้ปัญหาผู้โดยสารที่อยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งถือว่าเป็นผู้โดยสารที่ค้างท่อ แต่ทั้งหมดก็ต้องเข้ามาตรการการกัดตัว 14 วัน ส่วนหลังจากนี้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศ โดยสถานทูตในต่างประเทศไม่ได้มีการออกเอกสารรับรองให้เดินทาง ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี จนถึงวันที่ 15 เม.ย. ในระหว่างนี้ก็เชื่อว่าจะไม่มีเที่ยวบินหรือผู้โดยสารที่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยจากต้นทางได้อยู่แล้ว
    นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า หลังจากที่ กพท.ได้ออกประกาศห้ามเที่ยวบินจากต่างประเทศทั่วโลกบินเข้าไทยระหว่างวันที่ 4-6 เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา มี 1 เที่ยวบินจากอิหร่านบินมาถึงประเทศไทยช่วงเช้าที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเที่ยวบินสุดท้าย แต่ผู้โดยสารทุกคนถูกนำไปกักตัว 14 วัน และหลังจากนี้จะไม่มีสายการบินใดบินเข้ามาอีก ยกเว้นเที่ยวบินเปล่าที่มีการประสานจากประเทศต้นทางขอเข้ามาขนผู้โดยสารของประเทศนั้นกลับออกจากไทย ซึ่งมีการแจ้งล่วงหน้า และบางส่วนเป็นเที่ยวบินขนส่งสินค้า หรือคาร์โก้
    ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายจุฬาเผยว่า ทางศบค.มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในช่วงนี้จะต้องมีการประเมินผลหลังจากประกาศห้ามเที่ยวบินเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 3 วัน ก่อน ส่วนจะต่อหรือขยายเวลาการสั่งห้ามหรือไม่อย่างไร ต้องรอผลการประเมินในช่วงนี้ก่อน
    แหล่งข่าวจาก ศบค.กล่าวว่า การประกาศสั่งห้ามเที่ยวบินบินเข้าประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นการประเมินแผนการรับมือกับการที่จะกำหนดให้ผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างประเทศจะต้องถูกกักตัวไว้ในสถานที่ที่ภาครัฐกำหนดเป็นเวลา 14 วัน หากกำหนดเป็นช่วงเวลานานๆ เช่น 15 วันหรือ 30 วัน จะเกิดปัญหาการอั้นของผู้โดยสารและทะลักกลับมาในคราวเดียวกันจำนวนมาก ส่งผลต่อการรับมือกับสถานที่ในการกักตัวจะควบคุมได้ยาก ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่า หลังจากนี้อาจต้องประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการกำหนดจำนวนผู้โดยที่จะบินกลับเข้าไทยในแต่ละรอบเพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่จะรองรับการกักตัวด้วย
     "หลังจากนี้ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ จำเป็นจะต้องมีการกักตัวไว้ก่อน 14 วัน เนื่องจากข้อมูลกรมควบคุมโรคระบุชัดเจนว่า ผู้ติดเชื้อมาจากกลุ่มที่กลับจากต่างประเทศเป็นหลัก ดังนั้นการจะควบคุมสถานการณ์การติดเชื้อจึงต้องเริ่มที่กลุ่มนี้ ส่วนมาตรการที่จะออกมาจะประเมินกับสถานการณ์ในแต่ละวันประกอบการตัดสินใจด้วย" แหล่งข่าวกล่าว
    พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ที่สุวรรณภูมิ ผบ.สส.และ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตนไปร่วมอำนวยการกับทางผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกับคณะศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หลังจากนั้นมี 1 ไฟลต์ที่กลับมารวมกัน ระหว่างต่อเครื่องบินมาจากอเมริกา, เกาหลี รวม 214 คน เราก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้โดยสารชุดสุดท้ายเมื่อคืนเป็นที่เข้าใจเรียบร้อย ได้นำผู้โดยสารจำนวนดังกล่าวไปยังสถานกักกันของทางรัฐที่ อ.สัตหีบเรียบร้อย เสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 01.00 น. ได้รับความร่วมมืออย่างดี
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและเอาจริงในการติดตามตัว โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดยให้ดำเนินการอย่างจริงจัง เร่งด่วน
ไม่กักตัวคุก 2 ปี
    ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวกลับมาเพื่อเข้าสู่ระบบการกักตัวได้แล้วกว่า 100 ราย ในส่วนของรายที่เหลือนั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานการปฏิบัติกับทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดติดตามตัวกลับมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัว
    รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า ท่าน ผบ.ตร.ได้กำชับเข้มให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเอาจริงในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัส covid-19 เพื่อช่วยกันทำให้ประเทศชาติปลอดภัยเร็วที่สุด โดยผู้ที่ยังไม่ได้มารายงานตัวนั้น สามารถติดต่อได้ 2 ส่วน คือ หากอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง ติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงาน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หากอยู่ในส่วนภูมิภาค ติดต่อกับสาธารณสุขจังหวัด หรือสถานที่ที่หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ได้จัดเตรียมไว้ โดยขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางมาจากต่างประเทศกลุ่มดังกล่าวให้มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัส Covid-19
    หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศและมารายงานตัวภายในวันที่  4 เม.ย.63 เวลา 18.00 น. อาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท  
    "อยากฝากกรณีที่ท่านไม่ยินยอมกักกันของทางรัฐ อาจเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรค เรื่องนี้ทาง ตร. ได้รับคำสั่งให้ไปร่วมติดตามตัวผู้ที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ทราบว่าขณะนี้มีการมารายงานตัวแล้ว 6 คน เหลืออีก 152 คน เราก็จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นเพื่อเข้าไปติดตามตัวมา เรารู้ชื่อที่อยู่หมดแล้ว ถ้าประสงค์จะรายงานตัว ในส่วนของต่างจังหวัดขอให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางทุกจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ เตรียมที่รองรับไว้แล้ว ขอให้ติดต่อมาที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน จะมีเจ้าหน้าที่รองรับเพื่อไปกักกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง" พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าว
    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเป็นห่วงเหตุความวุ่นวาย นายกรัฐมนตรีขอให้ครอบครัว ผู้ปกครอง และบุคคลที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ได้เข้าใจในขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยทุกคนที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง จะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้ว ผู้โดยสารหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่รัฐบาลกำหนด โดยให้กักกันเฝ้าระวังเป็นระยะเวลา 14 วัน และต้องไปรายงานตัวต่อศูนย์คัดกรองโควิด-19 ประจำหมู่บ้านหรือชุมชนท้องที่ที่อำเภอกำหนด ฝ่าฝืนมีโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่มีข้อยกเว้น
    "นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเข้าใจในการทำงานของรัฐบาลที่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันและยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบายในช่วงนี้ จึงขอให้ประชาชนอดทน ให้ความร่วมมือเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อสังคมจะได้ปลอดภัย หากไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ปฏิบัติตาม จะส่งผลเสียตามมาทีหลัง" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
    รายงานข่าวจาก ศบค.แจ้งว่า สำหรับคนไทย 158 ราย จากเหตุการณ์นี้ มีบางรายส่งตัวไปยังพื้นที่รัฐจัดให้ ส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านไป แต่เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้เราต้องติดตามทุกคนทั้งหมดแบบ 100% โดยทั้ง 158 ราย ต้องถูกเรียกตัวทั้งหมด ตอนนี้ครอบครัวทุกคนถือเป็นกลุ่มเสี่ยง
    อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมี 6 คนยินยอมให้กักตัวแล้วถูกส่งไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ส่วนที่เหลือ 152 คน ขอให้ติดตามมาโดยด่วน โดยสามารถรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน สนามบินสุวรรณภูมิ หรือติดต่อหมายเลข 0-2132-9950 และ 06-3234-4734
    "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ นักกอล์ฟอาชีพหนึ่งเดียวของไทยที่ได้เล่นพีจีเอทัวร์  ซึ่งติดอยู่ที่อเมริกา ยังไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ทำไมพวกคุณทำแบบนี้ ยังมีคนไทยอีกมากมายในต่างประเทศที่อยากกลับบ้านไม่ต่างจากคุณ เค้ามีพ่อแม่ครอบครัวรออยู่เหมือนกัน ความมักง่ายของพวกคุณจะทำคนไทยคนอื่นเดือดร้อน รัฐกักตัวคงไม่ถึงติดคุกหรอก แย่มาก"
ไม่ยอมกักตัวส่งกลับ
    พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ และ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือได้เตรียมการสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุ รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระยะที่ 3 โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อทำหน้าที่เป็น Cohort Ward หรือหอผู้ป่วยรวมแยกโรค สำหรับเป็นสถานที่ให้การรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการระดับต่ำ (ไม่มีอาการปอดอักเสบ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ) ทั้งหมด 3 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 1,040 คน และสามารถปรับปรุง เพิ่มขีดความสามารถ ให้รองรับได้สูงสุด 1,200 เตียง
    เช่นที่ อาคาร ERC ภายในค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 3 อาคาร, อาคาร ERC สนามฝึก ทร. บ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จำนวน 4 อาคาร, ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 3 อาคาร
    ทั้งนี้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ให้ความสำคัญในการเตรียม รพ.สนามรองรับสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อเควิด-19 โดยมีความพร้อมรองรับตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.63 นี้ พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างขอรับการสนับสนุนแพทย์และพยาบาลจาก สธ. เพิ่มเติมจำนวน 30 นายด้วย
    ขณะที่อาคารรับรอง ทร.สัตหีบ ยังคงใช้เป็นที่กักกันตัวของบุคคลที่กลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่คนไทย จากอู่ฮั่น, เกาหลีใต้, นักเรียนทุน AFS จากอิตาลี ที่ทุกคนล้วนประทับใจในการดูแลของทหารเรือ จนกลายเป็นโมเดลในการกักตัวแบบ State Quarantine
    และปัจจุบัน คนไทยที่กลับจากต่างประเทศที่มีปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิ มากักตัวที่อาคารรับรอง 291 คน และมี 23 คนที่ไม่ยอมขึ้นเข้าพักในอาคาร แม้เจ้าหน้าที่ทหารเรือจะพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ก็ไม่ยอม จึงนำตัวส่งกลับสนามบินสุวรรณภูมิ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"