Covid-19 กับอิสระ-เสรีและการบังคับ


เพิ่มเพื่อน    

                                                       

                                                        (1)

                ในฐานะผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์การ กักตัวเองเอาไว้ในบ้าน มาร่วมๆ ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 ทศวรรษกว่าๆ หรือประมาณ 20 เกือบ 30 ปีเห็นจะได้ เรียกว่า...ทั้งโซเชียล ดิสแทนซิง ทั้งฟิซซิเคิล ดิสแทนซิง เว้นระยะห่างทั้งทางสังคม ทั้งทางร่างกาย กับใครต่อใครจนแทบกลายเป็น ตัวประหลาด ในหนังสือจีนกำลังภายในไปแล้วก็ว่าได้ เลยขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคย เผื่อว่าอาจพอเป็นประโยชน์ได้มั่งเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงที่การ หยุดเชื้อเพื่อชาติ หรือ อยู่บ้านเพื่อชาติ กำลังเป็นไปอย่างเป็นระบบและกิจการ...

                                                       (2)

                คือการอยู่บ้าน หรือกักตัวเองเอาไว้ในบ้าน ไม่ว่าเพื่อชาติ หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่...แรกๆ นั้น มันอาจอึดๆ อัดๆ ขัดๆ ข้องๆ อยู่ตามสมควร ด้วยเหตุเพราะมัน ไม่เคย หรือ ไม่คุ้นชิน นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ต่างไปจากอะไรต่อมิอะไรที่ตัวเราเองเคยประพฤติ ปฏิบัติ มาแล้วอย่างสม่ำเสมอ อย่างคุ้นเคย คุ้นชิน เมื่อไหร่ก็ตาม หรือเมื่อด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้ต้องปรับ ต้องเปลี่ยน ไปจากเท่าที่เคยทำๆ มาแล้ว ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นต้องรู้สึกอัดอัด ขัดข้อง อยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่ลองอยู่ไป-อยู่มา จนสิ่งที่ปรับ สิ่งที่เปลี่ยน มันชักกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย หรือคุ้นชิน ขึ้นมามั่งแล้ว เดี๋ยวเดียว...ก็อยู่ได้ อยู่สบาย ชนิดถ้าให้ปรับ ให้เปลี่ยน ไปเป็นแบบเก่า แบบเดิม ก็ชักอยู่ไม่ได้ ไปไม่ได้ ชักไม่สบายเนื้อ สบายตัว ขึ้นมาโดยทันที...

                                                       (3)

                เช่น เมื่อไหร่ที่พรรคพวก เพื่อนฝูง ชวนให้ไปตั้งวง แอ่นเหล้า แอ่นเบียร์ แลกเปลี่ยนสารคัดหลั่งอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ชวนไปงานแต่ง งานฉลองใดๆ ก็ตามที เพียงแค่คิดว่าต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาจัดระเบียบโน่นๆ นี่ๆ ต้องเร่งปั่นต้นฉบับเอาไว้ล่วงหน้า ต้องอาบน้ำ สระผม รีดเสื้อ รีดผ้า รื้อกางเกงในมาสอดใส่นุ่งทับไปกับกางเกงนอก ยิ่งถ้าเป็นแวดวงระดับไฮคลาส หะรูหะรา ต้องขัดรองเท้า หาเนคท้ง เนคไท มาผูกคอ รัดคอ เผลอๆ อาจต้องคว้าสูทเก่าๆ มาใส่ให้ร้อนโดยใช่เหตุซะอีกต่างหาก ยิ่งกว่านั้นยังต้องโดดขึ้นรถ เหยียบคลัตช์ เหยียบเบรก ขับขี่ด้วยตัวเอง เพราะไม่เหลือบริวารใดๆ คิดมาขี่ให้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งการขับๆ ขี่ๆ ทั้งๆ ที่แก่ๆ ย่อมเป็นอะไรที่สุดแสนปวดร้าวและทรมาน เป็นอันมากๆ โดยเฉพาะสำหรับถนนในกรุงเทพฯ อันเต็มไปด้วย มนุษย์หมาป่า ที่ซุกตัวอยู่หลังพวงมาลัยเต็มพรืดไปหมด ฯลฯ เพียงเท่านี้...เลยหนีไม่พ้นต้องโซเชียล ดิสแทนซิง ไปเป็นงานๆ...

                                                      (4)

                ยิ่งถ้าเป็นงานที่ต้องไปไหนไกลๆ แบบงานท่องเที่ยว เดินทาง ไปต่างบ้าน ต่างเมือง หรือต่างประเทศยิ่งแล้วใหญ่ แค่คิดว่าต้องเริ่มต้นถ่ายรูป ไปนั่งรอทำพาสปอร์ต ที่ไม่ได้ต่ออายุมาประมาณ 20 เกือบ 30 ปีเข้าไปแล้ว ต้องไปนั่งตะแหง่วๆ อยู่ที่สนามบิน ต้องผ่านด่านโน่น ด่านนี่ กรอกโน่น กรอกนี่ ระหว่างขึ้นเครื่อง ลงเครื่อง ต้องหาชุด หาเสื้อผ้า หารองเท้า ต้องลากกระเป๋าหนักเป็นกิโลๆ ติดตัวหอบพะรุงพะรังไปโดยตลอด ฯลฯ ต่อให้ใครซื้อตั๋วไป-กลับให้ฟรีๆ แถมค่ากิน ค่าอยู่ แบบเต็มสูบ เต็มที่ ให้อีกต่างหาก ยังไงๆ...ก็สู้นุ่งกางเกงแพร เกาสะดือ เอนหลัง เอนไหล่ สบายๆ อยู่บนเก้าอี้ แล้วนั่งดูหนัง สารคดีท่องเที่ยว อยู่กับบ้านโดยไม่ต้องหอบอะไรต่อมิอะไรติดตัวไปด้วยเลย น่าจะสบายกว่า เข้าท่ากว่า เป็นไหนๆ สามารถไปไกลจนสุดขอบทะเลทราย ดำลึกลงไปในมหาสมุทร ไปประเทศโน้น ประเทศนี้ ชนิด อะราวด์ เดอะ เวิลด์ ได้คราวแล้ว คราวเล่า เพียงแค่ไม่ได้มีโอกาส เซลฟี เพื่อเอามาลง เฟซบุ๊ก ส่วนตัว เหมือนใครต่อใครเท่านั้นเอง...

                                                       (5)

                ด้วยเหตุนี้นี่เอง...อยู่มา-อยู่ไป มันก็เลยชักสบายๆ กับการโซเชียล ดิสแทนซิง มาร่วมๆ 20 กว่าปีเข้าไปแล้ว ยิ่งพักหลังๆ เริ่มมีโอกาสได้เรียนรู้ เทคโนโลยี ใหม่ๆ ที่ทำให้โลกทั้งโลกมันอยู่แค่ ปลายนิ้ว หรืออยู่บนปุ่มคอมพิวเตอร์ ยิ่งสบายหนักขึ้นไปใหญ่แทบไม่ต้องดำรงตนเป็น ชายใดไม่เที่ยว-เทียวไป ทุกแคว้นแดนไพร มิอาจประสบพบสุข ไม่ต้องกลัวว่า ชายใดอยู่เหย้า-เนาว์ทุกข์ ไม่ด้นซนซุก ก็เรียกว่าชั่วมัวเมา แบบที่โศลกโบร่ำโบราณใน นิทานเวตาล ท่านชี้แนะ ชี้นำ อีกต่อไปแล้ว เพราะเทคโนโลยีที่ว่ามันได้เปิดโอกาส ให้สามารถซุกๆ ซนๆ ชนิดแทบไม่มีลิมิต ไม่มีขีดจำกัดใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ ภายในโลกโซเชียล มีเดีย หรือ โลกเสมือนจริง ที่นับวันชักจะกลายเป็น โลกแห่งความเป็นจริง เข้าไปทุกที...

                                                      (6)

                แต่ก็นั่นแหละ...ระหว่าง ความสุข-ความทุกข์ กับ ความอึดอัด ขัดข้องใจ และความคล่องเนื้อ-คล่องตัว หรือ ความอิสระ-เสรี มันอาจเป็น คนละเรื่องเดียวกัน อยู่บ้างตามสมควร เพราะบางครั้ง บางครา ความอึดอัดขัดข้องใจนั่นแหละ ที่อาจช่วยให้เกิด ความสุข ขึ้นมาได้เหมือนกัน ขณะที่ ความอิสระ-เสรี ความคล่องเนื้อ-คล่องตัว มันอาจนำมาซึ่ง ความทุกข์ แบบหนักหนา สาหัส เอาเลยก็เป็นได้ เพราะถ้าว่ากันตามแนวคิดของพวกพระๆ เจ้าๆ หรือตามแนวทางของ ศาสนา ทั้งหลายแล้ว การสร้าง ความอึดอัด ขัดข้องใจ ให้กับตัวเอง หรือการ ไม่ตามใจตัวเอง ไปตามความอิสระ-เสรีทั้งหลาย อันนั้นนั่นแหละ...กลับเป็นสิ่งที่มักนำมาซึ่ง ความสุข อันเนื่องมาจากการ บังคับตัวเอง เอาไว้ด้วย ศีล ในลักษณะต่างๆ จริง-ไม่จริง...คงต้องลองไปนั่งนึก นั่งคิด กันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถ้ายังไม่คิดจะบังคับตัวเอง หรือไม่ยอมให้ใครบังคับ ยังคิดแรดไป-แรดมา ไม่ยอมกักตัวเองเอาไว้ในบ้าน โอกาสโดน Covid-19 รับประทาน ก่อให้เกิด ความทุกข์ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                ----------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"